การสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยนั้นจำเป็นจะต้องมีการเลือก แบบบ้าน และบริษัทรับสร้างบ้านที่จะเข้ามาสานต่อความต้องการ เพื่อให้คุณได้บ้านที่ถูกใจ และใช้งานได้จริง ซึ่งเมื่อเจ้าของบ้านตกลงเรื่องแบบบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านได้แล้ว ก็ควรยึดการก่อสร้างให้เป็นไปตาม แบบสร้างบ้าน ที่กำหนดไว้
โดยบทความในวันนี้จะมาบอกสาระน่ารู้ว่า แบบสร้างบ้าน คืออะไร และมีความสำคัญต่อการสร้างบ้านอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน
แบบสร้างบ้าน คืออะไร และจำเป็นต่อการสร้างบ้านอย่างไรบ้าง
แบบสร้างบ้าน คือ แบบบ้าน แบบก่อสร้าง แบบแปลน หรือพิมพ์เขียว ล้วนเป็นเอกสารที่สถาปนิก และวิศวกรจัดทำร่วมกัน เพื่อใช้บอกถึงรายละเอียดของตัวบ้าน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างละเอียด เพื่อให้บริษัทรับสร้างบ้านได้ใช้เป็นแบบในการก่อสร้างบ้านจริง โดยแบ่งออกเป็น 4 แบบ ดังนี้
1. แบบสถาปัตยกรรม
แบบบ้าน ที่ทำให้เห็นภาพรวม และขอบเขตของบ้านเมื่อก่อสร้างเสร็จ ถือเป็นแบบหลักที่ใช้ยึดในการสร้างบ้าน เพื่อให้บ้านออกมาใกล้เคียงกับแบบ 3 มิติที่ได้ออกแบบไว้ตามความต้องการของเจ้าของบ้าน
โดยแบบสถาปัตยกรรมประกอบด้วยแปลนพื้น รูปด้าน รูปตัด แบบขยายในรูปแบบ 2 มิติ และรายการประกอบแบบ ซึ่งจะมีการระบุองค์ประกอบต่าง ๆ อย่างชัดเจน เช่น ขนาด จำนวนห้อง และรายละเอียดต่าง ๆ นอกจากนี้แบบสถาปัตยกรรมที่ได้มาตรฐานจะต้องเป็นแบบที่จัดทำ และเซ็นรับรองโดยสถาปนิกเท่านั้น
2. แบบวิศวกรรมโครงสร้าง
แบบวิศวกรรมโครงสร้าง ถือเป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยจะเป็นส่วนที่กำหนดรายละเอียดของโครงสร้าง และความแข็งแรงของตัวบ้าน เพื่อให้รับกับแบบสถาปัตยกรรมที่สถาปนิกได้ออกแบบไว้ ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนหลัก ๆ ได้แก่ แบบฐานราก แบบคาน แบบโครงสร้าง แบบหลังคา แบบพื้น และงานเหล็กต่าง ๆ
รวมไปถึงรายการประกอบที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดของคอนกรีต เหล็ก และวิธีการทำงาน ทั้งยังมีวิธีการทดสอบต่าง ๆ เพื่อให้ได้โครงสร้างที่เป็นไปตามแบบสถาปัตยกรรม พร้อมความแข็งแรงในการรับน้ำหนักที่ปลอดภัย และได้มาตรฐาน
3. แบบวิศวกรรมระบบไฟฟ้า
แบบวิศวกรรมระบบไฟฟ้า ใช้เพื่อบอกรายละเอียดของงานระบบไฟฟ้า และแสงสว่างภายในบ้าน อย่าง ชนิดของโคมไฟ จำนวน ตำแหน่งในการติดตั้ง ตำแหน่งของเต้ารับ เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น โดยส่วนของที่อยู่อาศัยทั่วไปจะได้รับการออกแบบจากวิศวกรโครงสร้าง เนื่องจากไม่มีความซับซ้อนถึงขั้นต้องใช้วิศวกรไฟฟ้า
แบบวิศวกรรมระบบไฟฟ้า ประกอบไปด้วยแปลนดวงโคมสว่าง แปลนเต้าเสียบ และสวิตช์ หรือรายการประกอบแบบที่ระบุขนาดสาย ชนิด และขนาดของท่อร้อยสาย โดยเริ่มตั้งแต่ส่วนที่อยู่ใต้ดินไล่ขึ้นมาจนถึงส่วนที่อยู่เหนือดิน
4. แบบวิศวกรรมสุขาภิบาล
แบบวิศวกรรมสุขาภิบาล จะมีรายละเอียดของส่วนงานด้านสุขาภิบาลของบ้านแต่ละชั้น อย่าง ระบบท่อภายใน และภายนอกอาคาร เช่น ระบบประปา ระบบน้ำทิ้ง และน้ำดี รางระบายน้ำ ตำแหน่ง และทิศทางการระบายน้ำเข้าสู่ระบบสาธารณะ เพื่อให้ได้ระบบสุขาภิบาลที่ได้มาตรฐาน
แบบสร้างบ้าน สำคัญอย่างไรต่อการสร้างบ้าน
แบบสร้างบ้าน ถือเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อการสร้างบ้าน เพราะแบบบ้านจะเป็นเอกสารที่บอกรายละเอียดของการก่อสร้างบ้าน เช่น ขนาด รูปแบบ พื้นที่ใช้สอย และวัสดุที่ใช้
ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับวิศวกรผู้ดูแลงานก่อสร้าง ผู้รับเหมา หรือบริษัทรับสร้างบ้าน รวมไปถึงตัวเจ้าของบ้านเองด้วย เพื่อใช้ยึดเป็นแบบ และรายละเอียดที่อ้างอิงตามสัญญา ไปจนถึงการใช้เพื่อขออนุญาตก่อสร้างกับเขต อบต. และเทศบาล นอกจากนี้แบบบ้านยังมีความสำคัญ ดังนี้
1. ระยะเวลาการก่อสร้าง
หากมีการปรับเปลี่ยนแบบระหว่างก่อสร้าง จะส่งผลให้บ้านสร้างไม่เสร็จตามกำหนด โดยหากบริษัทรับสร้างบ้านมีคิวงานสร้างอื่น ๆ ที่ต้องทำต่อ อาจส่งผลกระทบให้ระยะเวลาในการก่อสร้างบ้านยืดเยื้อ
2. งบประมาณค่าใช้จ่าย
เมื่อระยะเวลาในการสร้างบ้านยืดออกไป แน่นอนว่าค่าก่อสร้าง และค่าแรงที่ต้องจ่ายเพิ่มมีมากขึ้น หรือแม้แต่ค่าวัสดุที่บางชิ้นอาจมีการปรับราคาได้
3. มาตรฐานและความปลอดภัยของงานก่อสร้าง
เนื่องจากการสร้างบ้านต้องมีการคำนวณเรื่องน้ำหนักของฐานรากให้เหมาะสมกับตัวบ้านตามแบบที่ตกลงไว้ แต่หากมีการปรับเปลี่ยนแบบหลังจากการดำเนินงานฐานรากเสร็จแล้ว ฐานรากที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นข้อจำกัดของการปรับเปลี่ยนแบบ
ซึ่งในขณะเดียวกันหากมีการปรับเปลี่ยนแบบ ที่ไม่สัมพันธ์กับการรับน้ำหนักของฐานราก จะมีผลกระทบต่อทั้งมาตรฐาน และความปลอดภัย ที่สำคัญอาจเสี่ยงผิดกฎหมายได้
ข้อดีของการมีแบบบ้าน
1. ทีมงานมีคุณภาพ และได้มาตรฐาน
ทีมงาน ถือเป็นปัจจัยหลักของการสร้างบ้าน เพราะการสร้างบ้านที่มีมาตรฐานสูง จะมีทีมสถาปนิก และวิศวกรประจำที่ดูแลการสร้างตั้งแต่ขั้นตอนแรก โดยทุกส่วนจะทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และช่วยร่นระยะเวลาของการทำงานให้เร็วขึ้น ลูกค้าก็จะได้บ้านที่สวยถูกใจ และตรงตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ
2. มีแบบบ้านให้เลือกหลากหลาย
บริษัทรับสร้างบ้านที่มีมาตรฐานสูง จะมีแบบบ้านให้เลือกหลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าได้บ้านที่ถูกใจที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถยืดหยุ่น ดัดแปลง หรือปรับแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า
ซึ่งในส่วนของแบบบ้านจะมีการออกแบบภายใน และภายนอกที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้บ้านมีความสวยหรู และวัสดุที่ใช้มีคุณภาพได้มาตรฐาน
3. มาตรฐานการก่อสร้างที่มาพร้อมการพัฒนาอยู่เสมอ
บริษัทรับสร้างบ้านมาตรฐานสูงจะดำเนินการก่อสร้างอย่างถูกต้องตามมาตรฐานต่าง ๆ เช่น
มาตรฐานกฎหมาย คือการก่อสร้างที่ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร และกฎหมายความปลอดภัย
มาตรฐานวัสดุ คือการเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานมอก.เหมาะกับประเภทงาน และติดตั้งอุปกรณ์ที่ถูกต้อง
มาตรฐานวิชาชีพ คือมีวิศวกร และสถาปนิก เป็นผู้รับรองแบบที่ใช้ประกอบการขออนุญาตก่อสร้าง
มาตรฐานตามสัญญา คือการก่อสร้างที่เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้างในเรื่องของสเปควัสดุ รูปแบบ และระยะเวลา รวมถึงการรับประกันส่วนต่าง ๆ
นอกจากนี้บ้านที่ได้มาตรฐานสูงจะโดดเด่นในเรื่องของการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ มีการศึกษา และติดตามเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการสร้างบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า และสังคมโดยรวม
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำบางบริษัทได้มีการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ช่วยประหยัดพลังงานมาใช้ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เจ้าของบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานไฟฟ้าแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย
รับสร้างบ้าน แบบสร้างบ้าน มีความสำคัญอย่างไรต่อการสร้างบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/