โลกธุรกิจปัจจุบันนี้ นับเป็นยุคทองของนักธุรกิจหน้าละอ่อนเลยก็ว่าได้ บางคนอายุยังไม่ถึง 30 เลยด้วยซ้ำ แต่กลับมีผลประกอบการกว่า 100 ล้านบาทต่อปี คนรุ่นใหม่ที่มาคลุกคลีทำธุรกิจของตนเองนั้น มีแนวคิดมาจากการเห็นคนใน Generation เดียวกันทำธุรกิจ ทำ Startup หรือลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง ซึ่งล้วนเริ่มต้นมาจาก “ไอเดีย ความสามารถ และความกล้าที่จะลุย” หากจะไปถามน้อง ๆ นิสิต นักศึกษาว่า จบแล้วอยากทำงานอะไร หรือทำงานที่ไหน เกินครึ่งหนึ่งจะตอบว่า อยากทำธุรกิจของตัวเองบ้าง จะทำงานอิสระบ้าง หรือสานต่อธุรกิจของที่บ้านบ้าง ไม่อยากเป็นลูกจ้างคนอื่นบ้าง แนวความคิดดังกล่าวเป็นแรงผลักดันให้คนรุ่นใหม่เริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย บางคนเริ่มตั้งแต่ยังเรียนอยู่ด้วยซ้ำ เรามาดูข้อดีของการเริ่มต้นธุรกิจตอนอายุยังน้อยกันดีกว่า
1. เพิ่งเรียนจบพร้อมไอเดียสดใหม่
ด้วยวิชาความรู้ที่สะสมมาตลอดระยะเวลา 4-5 ปียังคุกรุ่น การที่เรียนจบปุ๊บเริ่มวางแผนธุรกิจปั๊บ ทำให้มีไอเดียสดใหม่ตามแบบฉบับวัยรุ่น มองเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจ หรือบางคนที่เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาก็ตะลุยต่อยอดทุ่มเทเวลาหลังเรียนจบได้เต็มที่ หรือน้อง ๆ บางคนทำสารนิพนธ์ที่สามารถนำมาต่อยอดใช้ทำธุรกิจส่วนตัวได้อีก ทั้งยังสามารถหาคอนเนคชันจากเพื่อน ๆ ในรั้วมหาวิทยาลัย หรือจะคอยซักถามพูดคุยกับอาจารย์ก็ยังได้
2. เครื่องร้อนทำอะไรได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยความที่เพิ่งเรียบจบมา อายุยังน้อย มีแผน มีความสดใหม่และไอเดียเต็มไปหมด จึงทำให้เจ้าของธุรกิจอายุน้อยเหล่านี้ เครื่องร้อนเดินกำลังเต็มที่ เพราะอยากออกไปสัมผัสโลกธุรกิจภายนอก อยากประสบความสำเร็จเร็ว ๆ ซึ่งการเดินหน้าเต็มที่แบบนี้จำเป็นจะต้องวางแผนธุรกิจให้รัดกุม และควรเข้าใจตลาด มองเห็นถึงโอกาสที่ดี รวมทั้งควรติดตามศึกษา Case Study ของธุรกิจเจ้าอื่น ๆ ไปด้วย
3. หัวเร็วเรื่องเทคโนโลยี เรียนรู้เร็ว
นับตั้งแต่ Generation X และ Y เป็นต้นมา เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ถึงแม้ทั้งสอง Gen จะเกิดในช่วงเวลาอนาล็อกเชื่อมต่อกับยุคดิจิทัล แต่เด็กรุ่นหลัง หรือ Gen Z นั้น มีเทคโนโลยีอยู่ในลมหายใจกันเลยทีเดียว ยิ่งได้เรียนรู้หรือมีหัวทางด้านธุรกิจแล้ว ไม่ว่าจะแกดเจ็ต แอปพลิเคชัน โปรแกรม หรือเทคโนโลยีมาใหม่ชนิดใดก็นำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองได้ สร้างความสะดวกสบายและเป็นทางลัดนำพาไปสู่ความสำเร็จ เถ้าแก่น้อยเหล่านี้ก็มักจะคว้ามาใช้อย่างรวดเร็ว
4. เริ่มก่อน รวยก่อน
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook เคยกล่าวไว้ว่า
“Move fast and break things. Unless you are breaking stuff, you are not moving fast enough”
ด้วยแนวความคิดที่เดินหน้าทำธุรกิจ ไปให้ถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ทำให้ธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จและพุ่งไปไว จนเกิดเป็นโมเดลธุรกิจที่เติบโตเร็ว และประสบความสำเร็จลำดับต้น ๆ ของโลก และที่สำคัญ มาร์กเริ่มเขียนโปรแกรมนี้ในขณะที่เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 เท่านั้น (ถึงแม้จะเก่งมาก จนไม่ยอมเรียนให้จบก็ตาม) ปัจจุบันนี้ Facebook มีขนาดธุรกิจและผลประกอบการที่มีมูลค่าสูงมาก ๆ ทั้งที่เขามีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่า เริ่มต้นธุรกิจเร็วเท่าไหร่ ก็ทำให้เราประสบความสำเร็จเร็วมากขึ้นเท่านั้น
5. เรียนรู้จาก Case study ที่มีให้เห็นมากมาย จนสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตนเองได้
จากการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยในยุคสมัยแห่งการทำธุรกิจและการลงทุน หากน้อง ๆ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ได้หยิบจับเรื่องราวและ Case Study ของแต่ละ Business Model มาศึกษามากเท่าไหร่ ก็จะเป็นการสร้างโอกาสและเพิ่มพูนประสบการณ์แบบทางลัดได้มากขึ้นเท่านั้น แล้วยังนำความรู้ จุดเด่น-จุดด้อย รวมทั้งปัญหา-วิธีแก้ จากธุรกิจเหล่านี้มาปรับให้เข้ากับธุรกิจของตนเอง แล้วยิ่งผนวกกับความคิดแบบคนรุ่นใหม่แล้ว รับรองว่าธุรกิจไปฉิวแน่นอน
6. มีเพื่อนเยอะ คอนเนคชันก็เยอะ ถ้ายิ่งขยันเจอชาว Startup ก็จะยิ่งได้ประสบการณ์
นอกจากการเรียนที่เคร่งเครียดแล้ว การเข้าสังคม มีเพื่อนในรั้วมหาวิทยาลัย และรู้จักเพื่อนของเพื่อน นับเป็นโอกาสดีที่จะเก็บคอนเนคชันไว้ใช้ในอนาคตได้ เพราะเราอาจได้รู้จักกับลูกหลานของนักธุรกิจที่มาร่วมแชร์ไอเดียกัน หรืออาจจะเห็นพ้องต้องกันทางแนวความคิดแล้วร่วมเป็นหุ้นส่วนก่อตั้ง Startup ร่วมกันก็เป็นได้ นอกจากนี้ การไป Co-working Space หรืองานสัมมนาทางธุรกิจ และดิจิทัลต่าง ๆ ยังเป็นช่องทางที่ดีที่จะสร้างคอนเนคชัน และแลกเปลี่ยนมุมมองประสบการณ์ที่สามารถนำมาปรับแต่ง และใช้เสริมกลยุทธ์ของธุรกิจของเราได้อีกด้วย
สอนสร้างธุรกิจ: ข้อดีของการเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://businesssmarttools.com/