ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีแก้แฮงค์ อาการเมาค้าง  (อ่าน 70 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 579
    • ดูรายละเอียด
วิธีแก้แฮงค์ อาการเมาค้าง
« เมื่อ: วันที่ 31 พฤษภาคม 2024, 17:23:19 น. »
วิธีแก้แฮงค์ อาการเมาค้าง 

อาการเมาค้าง หรือ Alcohol Hangover คือ อาการที่เกิดจากการที่ร่างกายได้รับแอลกอฮอล์จากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป โดยจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะหรือเหงื่อออก อาการเหล่านี้มักจะเกิดหลังจากที่เราได้รับแอลกอฮอล์มาแล้ว 24 ชั่วโมง โดยอาการที่เกิดขึ้นจะเกิดแล้วแต่เฉพาะบุคคลแตกต่างกันออกไปเนื่องจากร่างกายของแต่ละคนระบบการเผาผลาญไม่เหมือนกันนั่นเอง

 
แอลกอฮอล์ คืออะไร

แอลกอฮอล์มีชื่อทางเคมีว่า  Ethanol หรือ Ethyl Alcohol จัดเป็นสารกดประสาทชนิดหนึ่ง เมื่อดื่มไปแล้ว ร่างกายเราจะทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดออกไป แต่ผลกระทบอาจจะไม่ใช่แค่รอตับกำจัดแค่นั้น แต่ระหว่างที่รอ แอลกอฮอล์ขับออกจะส่งผลมากมายต่อร่างกาย โดยเมื่อแอลกอฮอล์เดินทางไปยังกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก เพื่อดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือด ตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมา หากดื่มตอนท้องว่างที่ร่างกายเรามีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำอยู่แล้วก็จะยิ่งส่งผลต่อทำให้น้ำตาลในเลือดเรายิ่งต่ำลงไปอีก จึงเกิดอาการคล้ายน้ำตาลตก และจะเริ่มมีอาการมึนๆ งงๆ ตามมา และมึนเมาได้ไวกว่าคนที่รองท้องมาด้วยอาหาร หรือทานของแกล้มไปด้วย

 
อาการเมาค้างคืออะไร

การเกิดอาการเมาค้าง หรือที่เรียกว่า “อาการแฮงค์” (Hangover) มักเกิดกับคนที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หลังจากนั้นร่างกายก็จะแสดงปฏิกิริยาต่อต้านแอลกอฮอล์ขึ้นมา ทำให้มีอาการเวียนศีรษะ อาเจียน คลื่นไส้ รู้สึกมวนท้อง เหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย เป็นต้น โดยอาการที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่บุคคล โดยในปัจจุบันยังไม่มีอาหารเสริม วิตามิน หรือสมุนไพรชนิดใดที่ช่วยแก้อาการเมาค้างได้หายสนิทได้ เพียงแต่เป็นการช่วยบรรเทาและฟื้นฟูอาการเมาค้างให้หายได้เร็วขึ้นเท่านั้น โดยร่างกายจะฟื้นฟูได้เร็วและขับแอลกอฮอล์ที่ถือเป็นสารพิษในร่างกายให้ออกจากร่างกายเร็วขึ้น และหากเราไปดื่มแอลกอฮอล์ตอนที่เราท้องว่างอยู่ก็จะยิ่งส่งผลให้ร่างกายเพิ่มความเสี่ยงเมาค้างมากขึ้น แต่ถ้าหากเรารับประทานอาหารก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยชะลอการดูดซึมแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายได้ และส่วนหนึ่งมาจากการที่ตับทำงานได้ไม่ค่อยได้ดี โดยคนที่มีตับสุขภาพดีก็จะลดอาการเมาค้างดีกว่าคนที่ตับสุขภาพไม่ดี เนื่องจากตับมีหน้าที่ในการขับสารพิษออกจากร่างกาย เมื่อมาเจอกับแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปก็จะตรวจจับว่าเป็นสารพิษและรีบนำออกไป โดยขับออกในรูปของเหงื่อหรือปัสสาวะนั่นเอง

 
ผลเสียต่อร่างกายจากการดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่ออวัยวะหลายส่วนภายในของร่างกาย และส่งผลเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยผลกระทบต่อร่างกายมีหลายส่วนดังนี้

1.  ส่งผลเสียต่อระบบระบบประสาทและสมอง : การดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลเสียต่อสมองโดยทำให้เกิดอาการมึนเมา วิงเวียนศีรษะ ทำให้มีอาการชาตามปลายมือและปลายเท้า นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์มากๆอาจจะทำให้เกิดอาการความจำเสื่อม ทำให้สมองเสื่อมได้

2.   ส่งผลเสียต่อตับและตับอ่อน : ทำให้ตับอ่อนอักเสบ มีอาการปวดท้องรุนแรง และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลานานและบ่อยครั้งจะส่งผลเสียทำให้เกิดความเสี่ยงโรคตับแข็ง ซึ่งจะมีอาการอ้วกเป็นเลือด เสี่ยงให้อาจเป็นมะเร็งตับได้

3.  ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินอาหาร :  ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะ เลือดออกในกระเพาะอาหารได้

4.  ส่งผลเสียต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด : การดื่มแอลกอฮอล์มากๆ จะส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจและการบีบตัวของหัวใจไม่ปกติ หัวใจเต้นเร็วได้ นอกจากนี้แอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัวและทำให้ไขมันในเลือดสูงทำให้เส้นเลือดแข็งตัวง่าย ซึ่งจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ง่าย

5.   ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ : หากดื่มแอลกอฮอล์จนเรื้อรังจะทำให้ความต้องการทางเพศจะลดลง และส่งผลทำให้ลูกอัณฑะมีขนาดเล็กลงได้

 
วิธีการบรรเทาอาการเมาค้าง

1.  ควรดื่มแอลกอฮอล์แต่พอดี ไม่ดื่มมากเกินไป

2.   ดื่มน้ำก่อนเข้านอน 1-2 แก้ว เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำและสูญเสียเกลือแร่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปากแห้ง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นต้น โดยการดื่มน้ำจะช่วยทดแทนน้ำและแร่ธาตุที่ร่างกายสูญเสียไป เพื่อให้ร่างกายปวดปัสสาวะและน้ำจะพาสารตกค้างจากแอลกอฮอล์ออกมากับปัสสาวะ หากดื่มก่อนเข้านอนก็จะช่วยลดอาการเมาค้างได้

3.  รับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือดื่มน้ำอุ่นๆ เช่น น้ำขิง ชามิ้นต์

4.  กินผลไม้รสเปรี้ยวเพื่อช่วยให้ร่างกายเฟรช ตื่นตัว

5.  หากมีอาการปวดหัว ตัวร้อน ร่วมด้วย สามารถทานยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ได้ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟ่น หรือยาตัวอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน ทั้งนี้ควรปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์ก่อนซื้อยา เพื่อซักถามประวัติการแพ้ยาอย่างละเอียดก่อนที่จะทาน

6.   ดื่มกาแฟ แต่การดื่มกาแฟไม่ได้ช่วยให้อาการเมาค้างดีขึ้น เพียงแต่ทำให้ร่างกายตื่นตัว เพิ่มพลังงานให้สมอง

7.   รับประทานวิตามินอาหารเสริม หรืออาหารเสริมที่ส่วนผสมของสารสกัดจากสมุนไพรที่ช่วยแก้แฮงค์ได้

 

วิตามินและสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้

1.  Green tea หรือ ชาเขียว จะมีสาร Catechin แล้วยังมีวิตามินซี และคาเฟอีนเป็นองค์ประกอบ ซึ่งส่วนประกอบพวกนี้มีส่วนช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูให้ทำงานได้อย่างเต็มที่และแก้เมาค้างเวียนหัวได้ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับคนที่ดื่มหนักและมีอาการแฮงค์จากแอลกอฮอล์

2.  Ginkgo leaf หรือ ใบแปะก๊วย มีส่วนช่วยบำรุงสมอง ป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง ช่วยคลายความเครียด คลายกังวล ทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ลดอาการเวียนหัวได้

3.  Ginger หรือ ขิง จะมีสารสำคัญอย่างสารจินเจอรอล (Gingerol) หรือโชกาออล (Shogaol) ที่มีส่วนช่วยป้องกันการคลื่นไส้จากอาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยลดอาการการเกิดกรดไหลย้อน และช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยขับแอลกอฮอล์ออกมาทางระบบขับถ่ายได้

4.  Fenugreek หรือ ลูกซัด มีส่วนช่วยเสริมการจับสารพิษและขับสารพิษออกมาจากร่างกายได้ และช่วยลดอาการจุกเสียด กรดไหลย้อน หรือการระคายเคืองในช่องท้องได้

5.   Taurine หรือ ทอรีน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มีส่วนช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีพลังในระหว่างวัน อีกทั้งยังช่วยในการทำงานของตับและตับอ่อน

6.   L-Arginine หรือ แอล-อาร์จีนีน เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดอารมณ์ฉุนเฉียว

7.   L-Carnitine หรือ แอล-คาร์นีทีน ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นพลังงานให้ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนื่อยล้าจากอาการแฮงค์ได้

8.   Vitamin C หรือ วิตามินซี เป็นวิตามินที่มีความสามารถในการช่วยเร่งการกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้ ทำให้ลดระยะเวลาอาการเมาค้างได้ อีกทั้งยังช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นด้วย

9.   Magnesium หรือ แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดการสูญเสียแร่ธาตุชนิดในร่างกายออกไปจำนวนมาก ทำให้ร่างกายขาดสมดุล จึงควรต้องรับประทานแร่ธาตุนี้เข้าไปเพื่อเสริมปริมาณของแม็กนีเซียมให้เพียงพอ