แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 36
1
เครื่องมือกันฟันล้ม กับ การเข้ารับการจัดฟันเด็ก แบบไหนดีกว่ากัน

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะดูแลเอาใจใส่ หรือถ้าหากเด็กมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน พ่อแม่ก็ควรที่จะพาเด็กเข้ารับการรักษาทันที เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานๆ อาจจะทำให้เกิดปัญหาลุกลาม จนถึงขั้นสูญเสียฟันไปได้ และการที่เด็กสูญเสียฟันไป อาจจะทำให้เกิดปัญหาฟันอื่นๆได้เช่น การฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง ฟันล้ม ซึ่งปัญหาการฟันห่าง ฟันล้มนั้น



สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก และอีกวิธีหนึ่งก็คือ การสวมใส่เครื่องมือกันฟันล้ม ซึ่งก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันล้มได้เช่นเดียวกัน ซึ่งวันนี้ทางคลินิก ของเราจะมาพูดถึงเครื่องมือกันฟันล้มและการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ว่าแบบไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองอย่างนี้ สามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กก่อนซึ่งต้องบอกว่า การจัดฟันในเด็ก หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า  การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกกรณี และช่วยส่งเสริมในเรื่องของหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยปรับตำแหน่งโครงสร้างของใบหน้า หรือช่วยในเรื่องของรูปร่างฟัน
และสามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้ตั้งแต่อาบุ 4-15 ปี ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุและปัญหาของแต่ละคน ที่ทันตแพทย์จะพิจารณาว่าจะเข้ารับการจัดฟันในรูปแบบใด ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น ก็ถือว่าได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

สำหรับเครื่องมือการฟันล้ม ซึ่งเครื่องมือกันฟันล้มสำหรับเด็กมี 2 ประเภทนั่นก็คือ แบบถอดได้ เครื่องมือคงสภาพชนิดที่สามารถใส่และถอดมาทำความสะอาดได้เอง และอีกแบบหนึ่งก็คือ เครื่องมือกันฟันล้มแบบติดแน่น เครื่องมือคงสภาพชนิดติดแน่นซึ่งไม่สามารถถอดเครื่องมือออกเองได้ โดยเครื่องมือกันฟันล้มนั้น

สามารถช่วยรักษาช่องว่าง ช่วยให้ฟันแท้ขึ้นได้และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ป้องกันปัญหาฟันเกหรือฟันขึ้นผิดที่ได้ แต่ถ้าหากเด็กมีปัญหาและไม่ใส่เครื่องมือกันฟันล้ม ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น จะทำให้ฟันล้มเอียงมาทางช่องว่างนั้น ทำให้ฟันแท้ขึ้นผิดตำแหน่ง ทำให้เกิดปัญหาฟันซ้อนเกทำให้สูญเสียความสวยงาม

รวมไปถึงอาจจะเกิดกระดูกเบ้าฟันหนาตัว มีผลให้ฟันแท้ที่อยู่ข้างใต้ขึ้นช้ากว่าปกติ สำหรับลักษณะของเครื่องมือกันฟันล้ม เป็นวงแหวนสีเงินสวมลงบนฟัน และมีลวดเล็กๆดัดโค้งมาแตะฟันซี่ด้านหน้าเพื่อค้ำยันไว้ไม่ให้ฟันขยับเข้าหากัน อาจเป็นเพียงชิ้นเล็กๆหรือเป็นแบบสองข้างซ้ายขวา ขึ้นกับจำนวนและตำแหน่งฟันน้ำนมที่ถูกถอนไป

แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งเครื่องมือกันฟันล้มและการจัดฟันในเด็ก ถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน เราก็จะต้องมาดูในเรื่องของปัญหาของแต่ะคนก่อน เพราะทั้งสองแบบก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน แต่ถ้าหากเรื่องของแก้ไขปัญหาในเรื่องของฟันในเด็กโดยตรงควรพาเด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้หลากหลายกรณี และสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาวด้วย

อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กหรือสวมใส่เครื่องมือกันฟันล้ม ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทันตกรรมในเด็ก มีประสบการณ์ด้านการจัดฟันในเด็กมาอย่างยาวนาน

จึงสามารถให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น การที่เด็กมีสุขภาพฟันที่ดีนั้น จะสามารถช่วยส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการของเด็กได้ด้วย และจะทำให้เด็กสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีความสุขมากยิ่งขึ้น

เพราะเราอยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่เด็กจะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ เพื่อที่จะได้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น

2
Doctor At Home: เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง (Purulent rhinitis)

เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง หมายถึง การอักเสบของเยื่อจมูกจากเชื้อแบคทีเรีย พบได้ในคนทุกวัย มักเป็นภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัด และอาจพบเป็นอาการแสดงอันหนึ่งของไซนัสอักเสบ ในเด็กอาจพบร่วมกับการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น สเตรปโตค็อกคัส สแตฟีโลค็อกคัส นิวโมค็อกคัส ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนเซ เป็นต้น ซึ่งอาจพบเป็นโรคแทรกซ้อนของไข้หวัด หรือพบในเด็กที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก (ซึ่งมักมีอาการน้ำมูกไหลเพียงข้างเดียวและหายใจมีกลิ่นเหม็น)


อาการ

คัดจมูก มีน้ำมูกข้นเหมือนหนองสีเหลืองหรือเขียว อาจหายใจมีกลิ่นเหม็น หรือปวดในรูจมูก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

มักพบว่าเยื่อจมูกบวม มีลักษณะแดง ๆ และมีน้ำมูกข้นเป็นหนองมีกลิ่นเหม็น

ในรายที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก จะพบมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรูจมูก และอาจตรวจพบไข้

ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ ใช้กล้องส่องตรวจจมูก (rhinoscopy) ตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเกิดจากไข้หวัด แพทย์จะให้ยาบรรเทาอาการ (เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้คัดจมูก ยาลดน้ำมูก) โดยไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ (เนื่องจากโรคนี้สามารถทุเลาเองได้ การให้ยาปฏิชีวนะมีผลข้างเคียงมากกว่าประโยชน์)

2. ถ้าตรวจพบว่าเป็นไซนัสอักเสบ ก็จะให้การดูแลรักษาแบบไซนัสอักเสบ

3. ถ้ามีสาเหตุจากสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ใช้เครื่องมือนำเอาสิ่งแปลกปลอมออก ใช้น้ำเกลือล้างจมูก และให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น โคอะม็อกซิคลาฟ) นาน 7-10 วัน

ผลการรักษา สำหรับไข้หวัดให้การรักษาตามอาการ ส่วนใหญ่มักจะหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนในรายที่มีไซนัสอักเสบแทรกซ้อน หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก การรักษาที่ถูกต้องก็ช่วยให้หายเป็นปกติได้ภายใน 10-14 วัน


การดูแลตนเอง

หากมีอาการมีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียว หายใจมีกลิ่นเหม็น ควรปรึกษาแพทย์ 

ถ้าพบว่าเป็นเยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการไซนัสอักเสบกำเริบ (เช่น มีไข้ ปวดศีรษะหรือใบหน้า ปวดและกดเจ็บบริเวณหน้าผาก หัวตา หรือโหนกแก้ม) หรือสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น)

การป้องกัน

1. เมื่อเป็นไข้หวัด ควรรักษาให้ถูกต้อง อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรัง

2. ระวังอย่าให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก

ข้อแนะนำ

หากมีอาการเป็นหวัด มีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียว หายใจมีกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบมีอาการที่จมูกข้างเดียวในเด็กเล็ก อาจเกิดจากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ควรพบแพทย์เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออก

3
BYD M6 รถยนต์ไฟฟ้า น้องใหม่ที่มีดีมากกว่าที่คิด ไปเจาะลึกความอเนกประสงค์ที่มีอยู่ในรถรุ่นนี้กัน

ในยุคสมัยที่ยานยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้นและมีตัวเลือกมากมายในท้องตลาด ผู้บริโภคจึงมองหายานพาหนะคู่ใจที่สามารถใช้งานได้ทั้งการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเดินทางท่องเที่ยวระยะไกล เรียกได้ว่าต้องครบจบในคันเดียวทั้ง ดีไซน์ สมรรถนะ อุกปรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ โดยหนึ่งในโมเดลที่น่าจับตาที่สุดในช่วงนี้คือน้องใหม่จากแบรนด์บีวายดีที่พกความอเนกประสงค์มามอบความสะดวกสบายในทุกเส้นทางแบบไม่มีกั๊กอย่าง BYD M6 นั่นเอง วันนี้ เรเว่ ออโตโมทีฟ อยากชวนมาสำรวจความรอบด้านของ MPV คันนี้ว่าจะอเนกประสงค์สมคำร่ำลือขนาดไหน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานแบบใดกันบ้าง มาติดตามกันได้เลย

เดินทางอุ่นใจไปด้วยกันทั้งบ้าน ไม่ว่าจะครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวใหญ่ หรือสายสัตว์เลี้ยง
การเดินทางกับสมาชิกในครอบครัวถือเป็นช่วงเวลาอันล้ำค่าในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและสถานการณ์เร่งรีบ จะครอบครัวขนาดเล็กที่มีเพียงพ่อ-แม่-ลูก ครอบครัวใหญ่ที่มีคนหลายเจนเนอเรชันอยู่ร่วมกัน หรือแม้แต่ครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยง ก็สามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้อย่างสบายๆ เพราะ BYD M6 จุคนได้ถึง 6 ที่นั่ง แถมยังมีฟังก์ชันการพับเบาะแถวที่ 3 ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ถึง 580 ลิตร เพียงพอสำหรับข้าวของเครื่องใช้จำนวนมาก หรือจะจัดเป็นมุมพักผ่อนสบายๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงก็ไม่ยาก นอกจากนี้ หลังคากระจกแบบพาโนรามิกขนาดใหญ่พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้าป้องกันรังสียูวี มอบความรู้สึกโปร่งสบายให้กับห้องโดยสารอยู่เสมอ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่มีตัวกรองฝุ่น PM 2.5 ช่วยให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยอากาศที่สะอาด สดชื่น มั่นใจได้ว่าทุกคนในบ้านจะได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ทั้งประทับใจและปลอดภัยบนท้องถนน

คู่รักนักธุรกิจ สร้างอนาคตด้วยพื้นที่และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ได้ลงตัว
สำหรับคู่ชีวิตที่ลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน การมีรถยนต์อเนกประสงค์ที่ไม่เพียงใช้สำหรับการใช้สัญจรไปมาแต่ยังตอบโจทย์ชีวิตของวัยรุ่นสร้างตัวแบบ 2-in-1 ถือเป็นกำไรอย่างหนึ่ง ซึ่ง BYD M6 ที่มาพร้อมพื้นที่เก็บของท้ายรถที่ปรับได้ตามความต้องการ และระบบ VtoL (Vehicle to Load) ที่สามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย เหมาะสำหรับการทำธุรกิจแบบ On The Go อย่างการเปิดท้ายขายของ หรือบริการเสริมความงามอย่างการทำเล็บ พร้อมสนับสนุนการสร้างอนาคตและทำให้การทำตามความฝันเป็นไปได้อย่างอิสระและเต็มที่

รวมตัวเพื่อนซี้ โร้ดทริปต่างจังหวัดแบบยกแก๊ง
มนุษย์วัยทำงานอย่างเราๆ นานทีปีหนจะมีโอกาสได้นัดเพื่อนเก่าสมัยเรียนจัดทริปท่องเที่ยวรำลึกความหลัง แน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสได้กลับมาเจอกัน ทุกคนก็อยากใช้เวลาที่มีร่วมกันให้ได้มากที่สุดตั้งแต่อยู่บนรถ บอกเลยว่าจะทริปใกล้หรือไกลก็หายห่วงถ้าไปกับ BYD M6 ที่พร้อมพาทั้งแก๊งไปสนุกทุกที่ โดยรุ่น Dynamic วิ่งได้ไกล 420 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และรุ่น Extended จัดเต็มวิ่งไกลสูงสุดถึง 530 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ขับกันยาวๆ พร้อมเอนจอยตลอดเส้นทางด้วยระบบมัลติมีเดียที่ให้ความบันเทิงเต็มรูปแบบ หน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ปรับหมุนด้วยไฟฟ้า รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto กับลำโพงรอบคันถึง 6 จุดการันตีว่าทุกการเดินทางจะเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความทรงจำดีๆ จนอยากวางแผนทริปครั้งต่อไปอีกเรื่อยๆ

หนุ่มสาวชาวออฟฟิศสายติดรถ ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน
ทุกวันนี้ มีผู้ใช้รถใช้ถนนในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเหล่ามนุษย์เงินเดือนจำนวนไม่น้อยที่ต้องเดินทางมายังออฟฟิศมักจะชวนเพื่อนร่วมงานให้โดยสารไปด้วยกัน ไม่ว่าจะขาไป ขากลับ ออกไปประชุม หรือแม้แต่การไปหามื้อกลางวันรับประทานข้างนอก สำหรับใครที่เป็นคนเฟรนด์ลีมีเพื่อนเยอะในที่ทำงาน หมดกังวลได้เลยถ้ามี BYD M6 เป็นรถยนต์คู่ใจ ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง สามารถรองรับผู้โดยสารได้หลายคน ทั้งยังมาพร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยของทุกคนบนรถ อาทิ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ช่วยในการมองเห็นทุกมุม ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะที่ครบครัน และถุงลมนิรภัยถึง 6 ตำแหน่งที่ปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างทั่วถึง

 BYD M6 เป็นมากกว่ารถ MPV ทั่วไป เพราะไม่เพียงแต่เป็นยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลภาวะและประหยัดพลังงาน แต่ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างหลากหลายและลงตัวสำหรับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม โดย BYD M6 พร้อมให้ทุกคนสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าแล้ววันนี้ ผู้ที่สนใจสามารถทดลองขับและเป็นเจ้าของได้แล้วที่โชว์รูม BYD ทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม

4
โปรแกรมหมอประจำบ้านอัจริยะ: มะเร็งอัณฑะ (Testicular cancer)

มะเร็งอัณฑะ เป็นมะเร็งที่พบได้ค่อนข้างน้อย (ราวร้อยละ 2 ของมะเร็งทั้งหมด) พบมากในช่วงอายุ 15-35 ปี

ส่วนใหญ่เป็นเพียงข้างเดียว ราวร้อยละ 5 เป็นทั้ง 2 ข้าง

สาเหตุ

ยังไม่ทราบชัดเจน พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การมีประวัติเคยเป็นมะเร็งอัณฑะข้างหนึ่งมาก่อน
    การมีประวัติโรคมะเร็งอัณฑะในครอบครัว
    ภาวะอัณฑะไม่เลื่อนลงถุงอัณฑะและค้างอยู่ในช่องท้องหรือขาหนีบซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด
    การติดเชื้อเอชไอวี

อาการ

มีก้อนแข็งที่อัณฑะไม่เจ็บและโตเร็ว หรือรู้สึกปวดตื้อหรือถ่วง ๆ ที่อัณฑะ หรือปวดตรงท้องน้อยส่วนล่างหรือขาหนีบ มีเลือดเจือปนในน้ำอสุจิ บางรายอาจมีอาการนมโตและเจ็บ หรืออ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ

ภาวะแทรกซ้อน

มะเร็งมักลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ช่องอก แอ่งเหนือไหปลาร้า และในระยะท้ายมักแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), และสมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชาและเป็นอัมพาต ชัก)


การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจอัลตราซาวนด์ ตรวจระดับแอลฟาฟีโตโปรตีน (alpha fetoprotein) และฮอร์โมนเอชซีจี (HCG) ในเลือดและปัสสาวะ (พบว่าสูงกว่าปกติ)

แพทย์จะทำการตรวจตัดชิ้นเนื้อเวลาทำการรักษาด้วยการผ่าตัด จะหลีกเลี่ยงการตัดเอาตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจโดยไม่จำเป็น เนื่องจากอาจมีผลแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน- PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาโดยการผ่าตัด และให้รังสีบำบัด ส่วนในรายที่มะเร็งแพร่กระจาย ก็จะให้เคมีบำบัดร่วมด้วย

ผลการรักษา สำหรับมะเร็งชนิดนี้นับว่าดี และสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเนื่องเพราะส่วนใหญ่สามารถตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก

ถ้าพบในระยะแรกหรือก่อนมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีมากกว่าร้อยละ 95

แม้เป็นมะเร็งระยะแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ก็มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีมากกว่าร้อยละ 70

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีก้อนแข็งที่อัณฑะ, รู้สึกปวดตื้อหรือถ่วง ๆ ที่อัณฑะ, มีเลือดเจือปนในน้ำอสุจิ เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งอัณฑะ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะแก้ไขได้เป็นส่วนใหญ่

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้สามารถตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก และสามารถรักษาให้หายขาดได้เป็นส่วนใหญ่ แนะนำให้หมั่นตรวจอัณฑะด้วยตนเองเดือนละครั้ง ดูว่ามีก้อนผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ โดยการใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ค่อย ๆ คลำเลื่อนไปเรื่อย ๆ จะช่วยให้ค้นพบมะเร็งระยะแรกได้

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

5
รถยนต์ไฟฟ้า 2024: ฮุนได Hyundai Stargazer X7 ปี 2024
929,000 บาท

ฮุนได Hyundai Stargazer X7 ปี 2024
Hyundai Stargazer X7  รุ่นย่อยใหม่ล่าสุดของฮุนได ไม่เพียงแต่มีภาพลักษณ์ที่ดุดันขึ้นจากรุ่นเดิม แต่ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์พิเศษเฉพาะรุ่นหลายรายการ ขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์เบนซิน เอ็มพีไอ สมาร์ทสตรีม ขนาด 1.5 ลิตร ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของความประหยัดและการตอบสนองอย่างใจสั่ง มาพร้อมกับพละกำลังที่สูงสุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน 115 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 115 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับระบบส่งกำลังอัจฉริยะ IVT (Intelligent Transmission Variable) ทั้งยังรองรับการปรับแต่งรูปแบบการขับขี่ให้ตรงกับความต้องการของคุณ ซึ่งมีให้เลือก 4 รูปแบบ ประกอบด้วย NORMAL, ECO, SPORT และ SMART

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Hyundai   
   รุ่น                    ฮุนได Hyundai Stargazer X7 ปี 2024
   ประเภทรถ           รถอเนกประสงค์ MPV
   ปีที่เปิดตัว            2024
   ราคา                  929,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (กระจังหน้า, กันชนหน้า-หลัง, ซุ้มล้อ ล้วนดีไซน์ใหม่)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟตัดหมอก (หน้า)
ระบบควบคุมระยะการจอด (เซ็นเซอร์กะระยะหน้า - หลัง)
ไฟท้าย LED
ขนาดยางหน้า-หลัง (205/55 R16)
ไฟ Daytime Running Lights
ราวหลังคา
ไฟหน้า LED
ล้ออัลลอย (17 นิ้ว)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (ไฟเรืองแสงในห้องโดยสาร Ambient Mood Lighting)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์ (1 ช่อง)
ภายในโทนสีดำ
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (โต๊ะพับหลังเบาะ)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (4 รูปแบบ ประกอบด้วย NORMAL, ECO, SPORT และ SMART)

สเปค
   เครื่องยนต์                   Smartstream G1.5 แบบ 4 สูบแถวเรียง 115 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิด 144 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบต่อนาที เกียร์ IVT
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)     1,497 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)  115 แรงม้า
   ระบบเกียร์                    เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                   แบบ IVT
   ระบบเบรค ABS               มี
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง       เบนซิน 95, เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)       N/A
   ระบบจ่ายน้ำมัน                Direct Injection
   น้ำหนักตัวรถ                     -
   ประเภทยางรถยนต์              -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                   ล้ออัลลอย (17 นิ้ว)
  ระบบขับเคลื่อน                   ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Control (ESC))
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
กุญแจรีโมท (พร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ผ่านรีโมท)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบเตือนการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง SEW,ระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ RCCA, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LFA)
เข็มขัดนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist Control (HAC ))
อื่นๆ (แพคเกจระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ADAS, ระบบเตือนและช่วยคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA , ระบบเตือนและช่วยคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA)
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ FCA)
กล้อง (มองภาพด้านหลัง)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) (DAW (Driver Attention Warning))
เบรกมือไฟฟ้า (พร้อมระบบ Auto Hold)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก

6
การใส่สายยางให้อาหารสายยางที่ถูกต้อง โดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน

ในการดูแลผู้ป่วย เพื่อเฝ้าระวังภาวะความเสี่ยงที่สามารถ เกิดอันตรายได้เสมอ การใส่สายยางให้อาหารแก่ผู้ป่วยนั้นคือการให้อาหารหรือผ่านทางสายให้อาหารเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วย โดยการใส่สายเข้ากระเพาะอาหารเป็นชุดอาการที่พบบ่อยทั้งนี้เพราะผู้ป่วยในห้องตรวจ การใส่สายอย่างให้อาหารเข้ากระเพาะอาหารมีเพียงเพื่อแต่ส่งเสริมภาวะโภชนาการ ยังช่วยในการสืบค้นเพื่อวินิจฉัยและการดูแลรักษา พยาบาลหรือผู้ดูแลจึงต้องใช้ความรู้และมีเทคนิคในการใส่สายให้ได้อย่างถูกต้อง และที่สำคัญป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ดูที่ใส่สายเข้าทางกระเพาะอาหารเป็นการใส่สายทางรูจมูกผ่านโพรงจมูกไปยังคอ ถึงกระเพาะอาหาร เพื่อวัตถุประสงค์หลักๆคือการให้อาหาร น้ำและยา ในผู้ป่วยรายที่ไม่สามารถหรืออาหารได้เช่นผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวผู้ป่วยอัมพาตรวมถึงผู้ป่วยที่รับประทานอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย


ซึ่งการคาสายสายยางให้อาหารในกระเพาะอาหารที่ผ่านรูจมูกไม่ควรเกิน 4-6 สัปดาห์ หากเกินมากกว่านั้นจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนคือไซนัสอักเสบ หลอดอาหารอักเสบ ผนังกั้นรู้จมูกบัตรเจ็บเป็นเนื้อตาย หรือปลอดอักเสบจากการสำลักได้ หากผู้ป่วยจำเป็นต้องคาสายเข้ากระเพาะอาหารไว้เป็นเวลานานเท่อาจจำเป็นต้องพิจารณาใส่สาย เข้ากระเพาะอาหารผ่านผนังหน้าท้อง ซึ่งขั้นตอนในการใส่สายยางให้อาหารแก่ผู้ป่วยผ่านรูจมูก ผู้ดูแลหรือพยาบาลจะต้องเรียนรู้ขั้นตอนและจำขั้นตอนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญอยู่บนเทคนิคความสะอาดไม่ปนเปื้อน เนื่องจากว่าเป็นการใส่อุปกรณ์เข้าไปในร่างกายการปนเปื้อนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญควรระวังเพราะอาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อภายในช่องท้องลดอาหารหรือโพรงจมูกได้


การใส่สายยางให้อาหารนั้นมีขั้นตอนดังนี้ เริ่มต้นจากการล้างมือให้สะอาด ทำการตรวจสอบดูรูจมูกผนังกั้นผู้ป่วยว่ามีทางสะดวกหรือไม่อะไรอุดกั้นหรือไม่ ทำการตรวจสอบดูรูจมูกผนังกั้นผู้ป่วยว่ามีทางสะดวกหรือไม่อะไรอุดกั้นหรือไม่ ต่อมาจัดถ้าผู้ป่วยให้นั่งหรือนอนศีรษะสูง หากผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวให้นอนหงายหรือท่าศีรษะสูงเล็กน้อย เพื่อให้หลอดอาหารตรงสายสามารถขึ้นลงตามแรงโน้มถ่วงได้ จากนั้นวัดความยาวของสายที่จะใส่เข้าไปในผู้ป่วยโดยวัดจากปลายจมูกถึงติ่งหูและจากติ่งหูถึงปลายกระดูกอก และทำเครื่องหมายมาร์คไว้ เพื่อกำหนดระยะจากรูจมูกเข้าสู่กระเพาะอาหารส่วนต้น ตรวจสอบสายยางให้อาหารไม่มีสิ่งใดอุดตันหรือมีสิ่งแหลมคมจากนั้นตัดพลาสเตอร์ประมาณ 10 เซนติเมตรเพื่อเตรียมแปะที่จมูกผู้ป่วยเข้ากับสายยางไม่ให้เลื่อนหลุด


ถัดมาปูผ้ากันเพื่อนบนหน้าอกความสามรูปไปไว้ใต้คาร์ลให้ผู้ป่วยถือกระดาษเช็ดหน้าไว้เผื่อว่ามีอาการอาเจียนขย้อนมีน้ำมูกหรือน้ำลายไหลได้ ใส่ถุงมือ เตรียมสารหล่อลื่นไปสายโดยทำการหล่อลื่นประมาณ 6-10 cm  เพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างเยอะบุและสาย จากนั้นให้ผู้ป่วยนอนศีรษะขึ้นเล็กน้อยให้เห็นรูจมูกชัดเจนค่อยค่อยใส่สายยางเข้าทางรูจมูกอย่างนุ่มนวลให้สายผมลงตามแนวธรรมชาติของโพรงจมูกถ้าติดสายสายไม่ลงอย่าดันแรงให้คือค่อยหมุนซ้ายพร้อมเลื่อนสายเข้าไป เมื่อสายถึงคอให้ผู้ป่วยก้มศีรษะเล็กน้อยและให้ช่วยเตือนช้าๆ เพื่อช่วยในการใส่สายให้ไหลลงได้ง่าย หากผู้ป่วยมีอาการไอสำลักหายใจไม่สะดวกหรือเขียวให้หยุดแล้วดึงสายออกทันทีรอจนกว่าอาการดังกล่าวจะดีขึ้นแล้วค่อยใส่ใหม่ จากนั้นตรวจสอบว่าสายอยู่ในกระเพาะอาหารหรือไม่โดยการใช้กระบอกฉีดดันลมเข้าไปประมาณ 5-10 cc เข้าไปเร็วเร็วพร้อมกับใช้หูฟังเสียงลมผ่านกระเพาะบริเวณหน้าท้องส่วนบนด้านซ้าย

หากได้ยินเสียงลมผ่านของเหลวนั้นแปลว่าสายยางให้อาหารนั้นอยู่ในกระเพาะอาหารเรียบร้อย หรือใช้กระบอกฉีดยาดูดของเหลวในกระเพาะอาหารออกมาถ้าพบว่ามีเศษอาหารขึ้นมานั่นแปลว่าอยู่ในกระเพาะอาหารเช่นกัน หรือถ้าหากให้ผู้ป่วยพูดแล้วไม่มีเสียงแสดงว่าสายยางให้อาหารนั้นผ่านเส้นเสียง ใช้พลาสเตอร์ติดสายยางกับจมูกเพื่อยึดให้อยู่กับที่  และสุดท้ายปิดปลายสายด้านนอกด้วยตกรอบถ้าไม่มีจะครอบให้ใช้ผ้าก๊อซหุ้มใช้ตัวหนีบไว้ ดูแลทำความสะอาดเช็ดสายและช่องปากจมูกให้สะอาดพร้อมสังเกตอาการผิดปกติหลังใส่สายอย่างให้อาหาร

ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆหลังจากการให้สายยางให้อาหารนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอโดยสิ่งที่จำเป็นจะต้องระวังมากที่สุดก็คือป้องกันอย่าให้สายอย่างให้อาหารหลุดเลื่อนโดยที่ก่อนให้อาหารผ่านสายยางให้อาหารทุกครั้งจะต้องทำการตรวจสอบว่าสายยางให้อาหารอยู่ในกระเพาะอาหารหรือไม่ตามขั้นตอนดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้น  และขณะให้อาหารควรให้อาหารไหลอย่างช้า ๆเพื่อหลีกเลี่ยงแรงดันควรจะอุ่นอาหารก่อนให้อาหารเพื่อลดอาการ ท้องอืดแน่นท้องหรือท้องเสีย


และหลังให้อาหารทุกครั้งจะต้องให้น้ำเพื่อลดอาการท้องผูกได้ อย่างไรก็ตามภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆนั้นสามารถป้องกันได้จากการสังเกตอาการผู้ป่วย ผู้ดูแลหรือพยาบาลจำเป็นต้องสังเกตผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดขณะให้อาหารโดยเฉพาะหลังให้อาหารเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเช่นอาการสำลักหรือจะไอจามได้ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ผู้ป่วยที่ใส่สายยางให้อาหารได้รับอาหารอย่างปลอดภัย ทางเราให้ความสำคัญเรื่องอาหารเหลวแก่ผู้ป่วยที่ใส่ยาให้อาหารเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะรวมถึงการขั้นตอนและอาหารที่ดีมีประโยชน์สะอาดและปลอดภัยแก่ผู้ป่วยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด

7
จัดฟันบางนา: รู้ก่อนทำ รากฟันเทียม

หลายคนที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันก็อยากจะแก้ไขปัญหาฟันด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่การแก้ไขปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันนั้น เราจะต้องมีการศึกษาข้อมูลว่าปัญหาของคุณนั้นสามารถแก้ไขด้วยวิธีการใด จากนั้นควรปรึกษากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ารับการแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างตรงจุด เช่นเดียวกับการรักษาด้วยการ ผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องศึกษารายละเอียดให้แน่ใจและมีการปรึกษาทันตแพทย์ร่วมด้วย ซึ่งการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมในปัจจุบันนั้น

เป็นการแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติโดยรากฟันเทียมจะทำมาจากวัสดุที่มีความคงทนแข็งแรง สามารถเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี มีรูปร่างคล้ายกับรากฟัน ทำการฝังลงไปบนกระดูกฟันหรือกระดูกขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียม เพื่อช่วยให้รากฟันเทียมยึดติดแน่นและไม่เกิดการขยับ ทั้งนี้ยังสามารถใช้งานได้เทียบเท่ากับฟันธรรมชาติได้อย่างดีโดยไม่มีปัญหาในเรื่องของการรับประทานอาหารหรือการพูดคุยก็สามารถออกเสียงได้ชัดเจน ทั้งยังช่วยเสริมสร้างในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของผู้เข้ารับการรักษาได้เป็นอย่างดีไม่ทำให้เกิดปัญหาเหงือกอักเสบ ปัญหาเหงือกร่น ช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษามีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ เสริมสร้างความมั่นใจได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับใครที่ต้องการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมควรที่จะต้องศึกษาข้อมูลและปรึกษากับทันตแพทย์ เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาให้ตรงกับปัญหาสภาพฟันของผู้เข้ารับการรักษาว่าเหมาะสมที่จะเข้ารับการรักษาแบบใดหรือทำการฝังรากฟันเทียมในรูปแบบใด

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ก่อนการเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องศึกษาข้อมูลในเรื่องใดบ้าง ก่อนเข้ารับการรักษาโดยปกติแล้วผู้ที่จะเข้ารับการรักษาฝังรากฟันเทียม คือผู้ที่มีการสูญเสียฟันธรรมชาติไป และมีความต้องการที่จะกลับมามีฟันที่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี หรือทดแทนฟันที่เหลืออยู่ และต้องการมีรอยยิ้มที่มั่นใจสามารถพูดคุย พบปะผู้คน เข้าสังคมได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้วการเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม สามารถทำได้ทุกคนและไม่มีการกำหนดช่วงอายุ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างที่ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด สำหรับผู้ที่เหมาะสมที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีหรือผู้ที่มีกระดูกขากรรไกรเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว และการฝังรากฟันเทียม ไม่ควรทำในหญิงตั้งครรภ์ เพราะควรรอให้คลอดบุตรเสียก่อน

นอกจากนี้หากผู้เข้ารับการรักษามีโรคประจำตัวบางอย่างเช่น โรคเบาหวาน ที่เสี่ยงต่อการเลือดไหลไม่หยุดขณะการผ่าตัดหรือภายหลังจากการผ่าตัด ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ต้องได้รับการฉายรังสีบริเวณใบหน้า ผู้ป่วยโรคปริทันต์อักเสบรุนแรง ผู้ป่วยลูคีเมีย หรือผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ไม่เหมาะสมที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เพราะเนื่องจากโรคประจำตัวมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายหรือภาวะแทรกซ้อน ขณะการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมและภายหลังจากฝังรากฟันเทียม เสร็จแล้วอาจจะทำให้เกิดอัตราความล้มเหลวเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้รวมไปถึงผู้ที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่จากซึ่งการสูบบุหรี่นั้ นส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันโดยตรงซึ่งก็จะส่งผลต่อความสำเร็จในการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม และผู้ป่วยที่มีอาการไขข้ออักเสบรุนแรง ผู้ป่วยจิตเภทหรือผู้ป่วยพี่มีปัญหาในเรื่องของการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันด้วยตัวเองได้ นี่คือข้อมูลที่เราควรศึกษาว่าความเหมาะสมในการฝังรากฟันเทียมนั้นจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่เราควรศึกษาและรู้ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม คือจะต้องรู้ว่ารากฟันเทียมทำมาจากอะไร มีลักษณะอย่างไร และประเภทของรากฟันเทียม ที่เหมาะสมกับสภาพช่องปากและฟันรวมไปถึงปัญหาของผู้เข้ารับการรักษาว่ามีความเหมาะสมที่จะใช้รากฟันเทียมประเภทใด เรามาดูข้อแรกกันว่ารากฟันเทียมทำมาจากอะไร รากฟันเทียมนั้นทำมาจากโลหะไททาเนี่ยม ที่มีความแข็งแรงและสามารถเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี มีลักษณะคล้ายสกรู ที่จะฝังลงไปบนกระดูกขากรรไกร ต่อมาประเภทของรากฟันเทียมมีด้วยกันหลายรูปแบบ ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกับฟันธรรมชาติมากที่สุด

โดยประเภทของรากฟันเทียมในแต่ละชนิดนั้นได้แก่ รากฟันเทียมแบบผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เป็นการฝังรากฟันเทียม ที่ได้รับความนิยมมากเพราะเป็นการฝังรากฟันเทียม ลงบนขากันไกลโดยตรงและมีอายุการใช้งานที่นานและดูแลรักษาง่าย ได้ด้วยการแปรงฟันตามปกติและอีกประเภทหนึ่งก็คือรากฟันเทียมแบบหลอมเนื้อโลหะเป็นโครง แล้วนำมาติดบนขากรรไกรใต้เนื้อเยื้อ ซึ่งเป็นการหลอมเนื้อโลหะให้เป็นโครงสร้างเดียวกับเหงือก และนำมาติดบนขากรรไกรเมื่อเหงือกฟื้นฟูสภาพจนหายดี โครงนั้นก็จะติดสนิทอยู่กับกระดูกขากรรไกรแล้วจึงนำการปลูกถ่ายฟันปลอม และเรื่องสุดท้ายที่ควรศึกษานั่นก็คือค่าใช้จ่ายในการฝังรากฟันเทียม ซึ่งการทำรากฟันเทียมในปัจจุบันนั้น จะมีค่าใช้จ่ายหรือราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับประเภทของรากฟันเทียมที่เราจะนำมาใช้ในการรักษา

อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมนั้น ทางคลินิกเรามีทันตแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของรากฟันเทียม คอยให้คำแนะนำ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของทางคลินิกที่จะคอยแนะนำและมีการวางแผนในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้กับผู้ที่สนใจ เพราะฉะนั้นหากต้องการรักษาโดยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมสามารถขอคำแนะนำจากทางเราได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งมั่นใจได้ว่าจะทำให้คุณมีความประทับใจในการเข้ารับ

8
ไหว้พระ ทำบุญ เที่ยววัดดังในกรุงเทพฯใกล้รถไฟฟ้า ไปง่ายประหยัดเวลา

วันหยุดสุดสัปดาห์ อยากไปไหว้พระทำบุญ วัดดังในกรุงเทพฯ แต่การจราจรไม่เอื้ออำนวยทั้งรถติด และหาที่จอดรถลำบาก วันนี้จะมาแนะนำวัดดังในกรุงเทพฯ ที่ไปง่ายด้วยรถไฟฟ้า BTS MRT ได้ไหว้พระอิ่มบุญกันเต็มที่อย่างแน่นอน
วัดดังในกรุงเทพฯ ใกล้ BTS MRT


1.วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก)

วัดใกล้ MRT สีลม ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยม คือ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขกสีลม เป็นโบสถ์พราหมณ์ พระแม่อุมาเทวีเป็นเทวีแห่งอำนาจบารมีและวาสนา มีพลังอำนาจและความยื่งใหญ่ เป็นสัญลักษณ์แห่งการช่วยขจัดความชั่วร้าย ผู้ใดบูชาเป็นประจำจะทำให้ชีวิตสงบสุขร่มเย็น นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าพระแม่อุมาเทวีเป็นเทวีแห่งความเป็นหญิง ทำให้ผู้คนนิยมขอพรเรื่องความรักให้สมหวังดังใจหมาย ที่วัดแขกแห่งนี้จึงโดดเด่นในการขอพรเรื่องความรัก แต่เดิมที่วัดแขกรับเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู แต่ปัจจุบันเปิดต้อนรับทุกสัญชาติทุกศาสนา ใครที่อยากมาไหว้พระแม่อุมาเทวีแต่กลัวไม่มีที่จอดรถหายห่วงไปได้เลย เพราะ สามารถนั่งรถไฟฟ้า MRT มาได้

    เรื่องควรรู้ก่อนไปสักการะ วัดแขก
    ห้ามนำของคาว เข้าบริเวณโบสถ์
    ผู้หญิงมีประจำเดือนห้ามเข้าบริเวณโบสถ์

ที่อยู่ : ถนนปั้น สีลม กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : วันจันทร์-พฤหัสบดี 06.00-20.00 น. วันศุกร์ 06.00-21.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ 06.00-20.30 น.
การเดินทาง : MRT สถานีสีลม


2.วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร

ย่านหัวลำโพงเป็นย่านที่คึกคักไปด้วยผู้คนอาจจะทำให้หาที่จอดรถลำบากหรือเสียเวลาในการหาที่จอดรถหากไปเที่ยวในย่านนั้น แต่วันนี้หมดห่วงไปได้เลยเพราะปัจจุบันสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า MRT และที่เที่ยวที่น่าสนใจหนึ่งในย่านนั้นคือ วัดไตรมิตร วัดใหญ่ใจกลางเมือง มีชื่อเดิมว่า "วัดสามจีน" เข้าใจกันว่า ชาวจีน 3 คนร่วมกันสร้าง สิ่งสำคัญของวัด คือ เป็น"พระพุทธรูปทองคำ (หน้านี้ไม่มี)พระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุด และเนื่องจากวัดอยู่กลางเมืองจึงเป็นที่นิยมของชาวเมืองที่ไม่มีเวลาจะเดินทางไปทำบุญที่วัดไกลๆ และยังเป็นแหล่งรวมศาสนิกชนในวันสำคัญต่างๆทางพระพุทธศาสนาอีกด้วย

ที่อยู่ : 661 ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : 08.00-17.00 น.
การเดินทาง : MRT สถานีหัวลำโพง ทางออก 1


3.วัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร (วัดธรรมมงคล)

วัดใกล้ BTS ที่ไปง่ายในกรุงเทพฯอีกวัดหนึ่งคือ วัดธรรมมงคล หรือ วัดธรรมมงคลเถาบุญญนนท์วิหาร สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2506 ภายในวัดธรรมมงคลแห่งนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พระวิริยะมงคลมหาเจดีย์ฯ เป็นเจดีย์ที่สูงสุดในประเทศไทย สามารถมองเห็นได้แต่ไกล ชั้นบนสุดบรรจุพระเกศา พระอุรังคธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับจากประเทศบังกลาเทศ ฐานเจดีย์ เป็นทรง 4 เหลี่ยม สูง 94.78 เมตร มี 14 ชั้น

ที่อยู่ : ถนนสุขุมวิท 101 ซอยปุณณวิถี 20 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพ ฯ
เวลาเปิด - ปิด : เปิดถึง 17.00 น.
การเดินทาง : BTS สถานีปุณณวิถี ทางออก 1


4.วัดธาตุทอง

วัดธาตุทองเป็นวัดชื่อดังย่านสุขุมวิท มีประวัติมายาวนาน ก่อนจะได้ชื่อว่าธาตุทอง ก็มีชื่อเดิมหลายชื่อ อาทิ วัดโพธิ์สุวรรณาราม” “วัดโพธิ์ทอง” “วัดทอง” “วัดทองล่าง” และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดธาตุทองเนื่องจาก เป็นการรวมกันของสองวัดคือ วัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่าง สถาปัตยกรรมภายในวัดธาตุทอง พระอุโบสถ มีขนาดความกว้าง 10 เมตร ยาว 24 เมตร ภายในพระอุโบสถประดิษฐาน “พระสัพพัญญู” พระวิหาร “ลิมปาภรณ์” เป็นพระวิหารหลังเก่าที่มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2514 พระเจดีย์ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งย้ายมาจากวัดหน้าพระธาตุ วัดธาตุทองแห่งนี้เป็นที่นิยมของชาวสุขุมวิทมากราบไหว้ขอพร

ที่อยู่ : 1325 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวันตั้งแต่ 5.00-21.30 น.
การเดินทาง : BTS สถานีเอกมัย ทางออก 3


5.วัดโพธิ์

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์[5 และมีพระนอนที่ใหญ่ที่สุดด้วยความยาวกว่า 150 ฟุต ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ด้านในมีจิตกรรมฝาผนัง แสดงภาพวิถีชีวิตของชาวไทยในสมัยก่อน ที่ถูกเขียนไว้อย่างสวยสดงดงาม ที่วัดโพธิ์แห่งนี้ถือเป็นวัดยอดนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และบริเวณรอบๆวัดโพธิ์ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ อร่อยๆ และที่ท่องเที่ยวอีกหลายจุด สามารถมาได้ง่ายๆแค่ลง MRT สถานีสนามไชย

ที่อยู่ : เลขที่ 2 ถนนสนามไชย เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น.
การเดินทาง : MRT สถานีสนามไชย


6.วัดมหาบุศย์ (วัดย่านาค)

วัดมหาบุศย์ หรือ วัดแม่นาคพระโขนง เป็นวัดที่มีผู้คนมาไหว้สักการะทุกวันไม่ขาดสาย มาไหว้ขอพร มาบนบาน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความรัก โชคลาภ ขอลูก เกณฑ์ทหาร มีคลองพระโขนงให้อาหารปลา ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ให้อาหารนก ทุกๆ วันที่ 20 ของเดือน ทางวัดมีจัดพิธีสวดพระอภิธรรมเสริมบารมีให้แก่ย่านาคพร้อมบริวาร สองข้างทางเดินเข้าวัดจะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆที่ขายของสำหรับแก้บน หรือของสำหรับไหว้ขอพร การเดินทางมาที่วัดย่านาคสามารถเดินทางได้หลายวิธีสะดวกสบาย ยิ่งสามารถเดินทางได้ด้วย BTS แล้วนั้นทำให้ผู้คนหลั่งไหลไปที่วัดย่านาคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนวัยไหน

ที่อยู่ : สุขุมวิท 77 ซอยอ่อนนุช 7 แขวงสวนหลวง กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : 07.30-17.30 น.
การเดินทาง : BTS สถานีอ่อนนุช ทางออก 1


7.วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่)

วัดนี้ บางคนเรียกว่า "วัดมังกร" เพราะคำว่า "เล่ง" หรือ "เล้ง" ในภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่ามังกร มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบทางจีนตอนใต้ของสกุลช่างแต้จิ๋ว โดยวางแปลนตามแบบวัดหลวง คือ มีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก ตรงกลางเป็นพระอุโบสถ ข้างหลังพระอุโบสถเป็นวิหารเทพเจ้า การสร้างใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุสำคัญ ที่วัดเล่งเน่ยยี่โด่งดังในเรื่องการมาแก้ปีชง เป็นที่นิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สถานที่ยอดนิยมในการไปแก้ชงหลายๆคนอาจจะอยากไปแต่ไปไม่ได้เพราะการเดินทางอาจจะไม่สะดวกสบาย แต่ปัจจุบันสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า MRT ทั้งง่ายและรวดเร็ว

ที่อยู่ : 423 ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : 07.00-18.00 น.
การเดินทาง : MRT สถานีวัดมังกร


8.วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ (วัดเล่งเน่ยยี่ 2)

ชาวนนทบุรีไม่ต้องไปไกลถึงเยาวราชก็ได้ไหว้พระขอพร แก้ปีชง ที่วัด วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 บางบัวทอง วัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบพุทธศิลป์ในราชวงค์หมิงและชิง โดยคล้ายกับ พระราชวังต้องห้าม ที่ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน วิหารแต่ละหลังประดับด้วยลวดลายภาพเขียนสีพุทธศิลป์แบบจีน เป็นวัดที่สวยงามตระการตา ถึงแม้ผู้คนจะแวะเวียนมาที่วัดแห่งนี้มากมายแต่ด้วยความกว้างใหญ่ของวัดทำให้วัดไม่แออัด เหมาะกับสถานการณ์โควิด – 19 แบบนี้

ที่อยู่ : 959 หมู่ 4 ถนนเทศบาล 9 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
เวลาเปิด - ปิด : 06.00-18.00 น.
การเดินทาง : MRT สถานีคลองบางไผ่


9.ศาลเจ้าพ่อเสือ

ศาลเจ้าพ่อเสือสร้างตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของจีน อยู่ใกล้เสาชิงช้า เป็นที่ประดิษฐานรูปเอี่ยนเถี้ยนส่งเต้, รูปเจ้าพ่อเสือ, รูปเจ้าพ่อกวนอู และรูปเจ้าแม่ทับทิม ที่ศาลเจ้าพ่อเสือผู้คนที่มากราบไหว้มักจะขอพรในเรื่อง เรื่องการงานให้ประสบความสำเร็จ เสริมอำนาจบารมี ให้ร่ำรวยเงินทอง และยังสามารถมาแก้ปีชงและสะเดาะเคราะห์

ที่อยู่ : 468 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ (ใกล้เสาชิงช้า)
เวลาเปิด - ปิด : 06.00-17.00 น.
การเดินทาง : MRT สถานีสามยอด


10.ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ

เป็นศาลที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสาหลักเมืองใหม่นี้ เสาไม้สัก เป็นแกนอยู่ภายในประกับด้วยไม้ชัยพฤกษ์ยอดเม็ดทรงมัณฑ์ สำหรับศาลาศาลหลักเมืองหลังปัจจุบันนี้ มีรูปแบบเป็นอาคารเครื่องปูน ทรงยอดปรางค์ มีมุขยื่นทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านมีหลังคาซ้อน 2 ชั้น และมีมุขลดอีกด้านละ 1 ชั้น

ที่อยู่ : ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : 06.30-18.30 น.
การเดินทาง :  MRT สถานีสนามไชย


11.วัดยานาวา

วัดยานนาวา เดิมชื่อ “วัดคอกควาย” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยไฮไลท์ของวัดนี้ก็คือ สำเภายานนาวา นอกจากสำเภายานาวายังมีภาพจิตรกรรมกระทงใหญ่ ที่ถอดแบบมาจากพระราชพิธีลอยพระประทีปและโถยาคูด้วย ภายในวัดมีประดิษฐ์าน พระมหาเจดีย์จำลองของปีนักษัตร 12 นักษัตร รวมถึง พระเจ้าทันใจ และรูปสลักหินอ่อนเจ้าแม่กวนอิม ให้ผู้คนที่ไปเยี่ยมชมวัดได้ไหว้สักการะ

ที่อยู่ : 40 ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : 05.00-22.00 น.
การเดินทาง : BTS สถานีสะพานตากสิน ทางออก 4


12.วัดอภัยทายาราม (วัดมะกอก)

วัดอภัยทายาราม (วัดมะกอก) อยู่ติดกันกับโรงพยาบาลพระมงกุฎไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อุโบสถของวัดประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่เจ้าฟ้าเหม็นได้สร้างไว้พร้อมกับตอนที่บูรณะวัด มักเป็นที่ประกอบพิธีกรรม ทางศาสนา เป็นวัดที่ผู้คนในละแวกนั้นมักจะมาทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา

ที่อยู่ : 15 ถนน ราชวิถี ซอย 18 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
เวลาเปิด - ปิด : 07.30 – 17.00
การเดินทาง : BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางออก 1


13.วัดหัวลำโพง

วัดหัวลำโพง วัดใจกลางกรุงเทพฯ เดิมชื่อ "วัดวัวลำพอง" มีให้ร่วมทำบุญหลายรูปแบบ ทั้งนมัสการพระประธานในโบสถ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิต ,บริจาคเทียน ,บริจาคบูชาเครื่องไหว้พระราหู ,สะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตา และทำบุญถวายโรงศพกับมูลนิธิร่วมกตัญญูที่เปิด 24 ชั่วโมง พระประธานในโบสถ์ ปางมารวิชัย สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระนามว่า พระพุทธมงคล และด้านในยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังให้ได้ชม

 ที่อยู่ : 728 ถนนพระราม 4 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
เวลาเปิด - ปิด : เปิด 24 ชม
การเดินทาง : สถานีสามย่าน ทางออก 1

9
บ้านติดรถไฟฟ้า พาทิโอ กัลปพฤกษ์ - สาทร (Patio Kalapapruek - Sathorn)
เริ่มต้น 5.39 ลบ.

พาทิโอ กัลปพฤกษ์ - สาทร (Patio Kalapapruek - Sathorn)
DUPLEX TOWNHOME 3.5 ชั้น เรียบหรูด้วยดีไซน์ Colonial Style โดดเด่นด้วยฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 2 ที่จอดรถ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ด้วย Double Volume เพดานสูงกว่า 5.5 เมตร โปร่ง โล่ง เชื่อมต่อพื้นที่ใจกลางเมืองด้วยถนนกัลปพฤกษ์, ถนนกาญจนาภิเษก, ทางพิเศษศรีรัช และ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร 5 นาที ถึง The Mall บางแค และ 15 นาที ถึง สาทร รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            พาทิโอ กัลปพฤกษ์ - สาทร (Patio Kalapapruek - Sathorn)
 เจ้าของโครงการ       พฤกษา เรียลเอสเตท
 แบรนด์ย่อย             พาทิโอ
 ราคา                    เริ่มต้น 5.39 ลบ.

 ประเภทบ้าน            ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล           บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ          10 ไร่ 3 งาน 76 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน             106 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด       2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน              ตั้งแต่ 18.1 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย            ตั้งแต่ 164 ถึง 181 ตร.ม.
 จำนวนชั้น               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 หน้ากว้าง               5 ม.
 จำนวนห้องนอน        ตั้งแต่ 4 ถึง 5 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ        2 คัน
 สาธารณูปโภค         สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, รปภ.

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน      บางแค, ตลิ่งชัน, ทวีวัฒนา, ภาษีเจริญ
 ที่ตั้ง      44 ถนน กัลปพฤกษ์ แขวง บางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานี(หัวลำโพง - บางแค)(บางแค)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน, สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ - บางหว้า(บางหว้า)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ปีที่สร้างเสร็จ                   โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

10
all new mitsubishi triton 2024:  Mitsubishi Triton Big Minor Change จ่อเผยครั้งแรกทีไทย

ล่าสุด Mitsubishi Motors ส่งทีเซอร์ชุดใหม่ความยาว 15 วินาที อุ่นเครื่องก่อนเผยจริงโดยครั้งนี้มาในภายใต้แนวคิด “แกร่ง ลุยทุกอุปสรรค - Engineered Beyond Tough” เหนือชั้นด้วยหน้าตาแนวเดียวกับรุ่น Xpander นั่นคือ Advanced Dynamic Shield ตั้งแต่ชุดดกระจังหน้ารวมถึงไฟหน้าอาจใช้โคมเดียวกับรุ่น Pajero Sport รองรับกันชหน้าแบบสปอร์ตแบบเดียวกับรุ่น Xpander ซุ้มล้อทั้งหน้าและหลังออกแบบใหม่ในสไตล์ Built-IN กลมกลืนไม่มีคิ้วขอบล้อเสริมอีกต่อไปถึงแม้จะใช้แพลตฟอร์มเจนปัจจุบัน

ด้านขุมพลังยังใช้บริการเจ้าเดิม นั่นคือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน Mitsubishi 4N15 Mivec Clean Diesel 2.4 ลิตร 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที พร้อม เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ส่วนเกียร์อัตโนมัติมีแนวโน้มจะเป็น 6 สปีด ลูกใหม่ ทางด้านเครื่องยนต์แรงดีเซลเทอร์โบแปรผัน 4D56 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 178 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ในรุ่นตอนเดียวขับสี่ ทั้งเกียร์อัตโนมัติและธรรมดา 5 สปีด ลุ้นว่าจะยังจำหน่ายต่อหรือไม่ โดยทุกขนาดเครื่องยนต์มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสองล้อ และ สี่ล้อแบบ Easy Select 4WD และ Super Select 4WD II กับ ระบบเฟืองท้ายแบบ Diff-lock


ความปลอดภัยยกชุดจาก Mitsubishi Pajero Sport ไม่ว่าจะเป็น ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System- FCM) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (Ultrasonic Misacceleration Mitigation System) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) สัญญาณกะระยะจอดด้านหน้า – หลัง กล้องมองภาพรอบคัน ฯลฯ Mitsubishi Triton Big Minor Change จะเปิดตัว 9 พฤศจิกายน

11
อาหารสุขภาพบำรุงสมอง รักษาอัลไซเมอร์ ชัวร์หรือมั่วนิ่ม ?

อาหารและสมุนไพรหลากหลายชนิดที่เชื่อกันว่าสามารถช่วยบำรุงสมอง ป้องกันและรักษาโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะแปะก๊วย น้ำมันปลา และน้ำมันมะพร้าวที่มีการกล่าวถึงคุณประโยชน์ เป็นอาหารบำรุงสมอง ความคิด ความทรงจำอย่างแพร่หลาย แต่รู้หรือไม่ว่าข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ในทุกวันนี้พูดถึงการรักษาทางเลือกเหล่านี้ว่าอย่างไรบ้าง

อัลไซเมอร์เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะสมองเสื่อม ส่งผลกระทบด้านความคิด ความทรงจำ และการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยอย่างร้ายแรง ปัจจุบันพบว่ามีผู้สูงอายุป่วยด้วยโรคนี้เป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าในปี 2573 สถิติผู้ป่วยในไทยจะพุ่งขึ้นสูงถึง 1,117,000 คน ทว่าก็ยังไม่พบแนวทางการรักษาทางการแพทย์ที่จะช่วยให้หายได้ จึงเกิดการตื่นตัวและมีการอ้างถึงการป้องกันและการรักษาทางเลือกโดยใช้สมุนไพรหรืออาหารต่าง ๆ ขึ้นมาจำนวนมาก

แปะก๊วย พืชสมุนไพรยอดนิยมที่กล่าวกันว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงความจำ เสริมสร้างการทำงานของสมอง ป้องกันและชะลออาการของโรคอัลไซเมอร์รวมถึงภาวะสมองเสื่อมทั้งหลาย โดยเชื่อกันว่าแปะก๊วยมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะป้องกันไม่ให้เซลล์สมองถูกทำลาย ช่วยในการทำงานของสารสื่อประสาท รวมทั้งป้องกันการสะสมของอะไมลอยด์ (Amyloid) สารโปรตีนชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาจไปสร้างความเสียหายต่อเซลล์สมองและเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอัลไซเมอร์

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยขนาดใหญ่ที่ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการใช้ยาหลอกกับแปะก๊วยในกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังมีการทำงานของสมองเป็นปกติและกลุ่มที่พบความผิดปกติในการทำงานของสมองเล็กน้อย โดยใช้อาสาสมัครทั้งหมด 3,069 คน อายุตั้งแต่ 72-96 ปี ทดลองรับประทานสารสกัดจากแปะก๊วยเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 120 มิลลิกรัม ผลการศึกษาพบว่าแปะก๊วยไม่สามารถช่วยลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือภาวะสมองเสื่อมแต่อย่างใด ซึ่งสอดคล้องกับอีกงานวิจัยหนึ่งที่ทดลองเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากการบริโภคแปะก๊วยเพื่อชะลอการเสื่อมถอยของความทรงจำในผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม โดยแม้จะพบว่าแปะก๊วยมีความปลอดภัยในการใช้ แต่ด้านประสิทธิภาพในการใช้นั้นไม่ดีนักและไม่อาจเชื่อถือได้

การรับประทานแปะก๊วยนั้นถือว่ามีความปลอดภัยกับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่จะต้องรับประทานในปริมาณที่พอดี เป็นเวลาติดต่อกันไม่เกิน 6 เดือน แต่อย่างไรก็ดี การรับประทานแปะก๊วยไม่ได้ปลอดภัยสำหรับทุกคน ผู้ที่ต้องการลองรับประทานมีข้อควรระวังดังต่อไปนี้

    แปะก๊วยอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงให้มีอาการปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย หรือเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง และในผู้สูงอายุจะเสี่ยงต่อการมีเลือดออกได้
    หญิงตั้งครรภ์ควรระมัดระวังในการใช้ เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการตกเลือดยิ่งขึ้น เช่นเดียวกันกับหญิงที่ต้องให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานยืนยันถึงความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์
    แปะก๊วยอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก ควรหลีกเลี่ยงการใช้กับผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการออกของเลือด หรือผู้ที่กำลังใช้ยาที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
    การรับประทานสด ๆ หรือปรุงโดยการคั่วเมล็ดอาจมีพิษและอาจเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้

น้ำมันมะพร้าว อาหารอีกประเภทที่มีการกล่าวถึงประโยชน์ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ ที่มาของความเชื่อนี้เกิดจากการทดลองเกี่ยวกับอาหารทางการแพทย์ชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดสารคีสโตนในร่างกาย พบว่าอาสาสมัครที่รับประทานสามารถทำแบบทดสอบความทรงจำได้ดีขึ้น โดยคาดว่าสารนี้อาจช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้นจากภาวะที่เซลล์สมองของผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะสูญเสียความสามารถในการใช้พลังงานจากกลูโคส และด้วยความที่น้ำมันมะพร้าวนั้นเป็นอุดมด้วยกรดคาไพรลิก (Caprylic acid) กรดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สายยาวปานกลางที่จะแตกตัวออกเป็นสารคีโตนเมื่อเข้าสู่ร่างกาย จึงถูกนำมาอนุมานว่าจะสามารถช่วยรักษาอัลไซเมอร์ได้เช่นกัน ในราคาที่ไม่แพงและหาซื้อได้ง่ายกว่า

ทั้งนี้ ข้อสรุปดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้ยืนยันได้ว่าน้ำมันมะพร้าวจะช่วยป้องกันหรือชะลออาการของโรคอัลไซเมอร์ และปัจจุบันยังไม่ปรากฏผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ เกี่ยวกับการใช้น้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ มีเพียงรายงานจำนวนเล็กน้อยที่อ้างว่าการเพิ่มน้ำมันมะพร้าวลงในอาหารของผู้ป่วยโรคนี้ช่วยให้อาการดีขึ้น เช่น การศึกษารายกรณีของแพทย์หญิงคนหนึ่งที่ผสมน้ำมันมะพร้าวลงในอาหารให้สามีที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์รับประทาน แล้วพบว่าอาการดีขึ้นและสามารถวาดรูปนาฬิกาได้ถูกต้องกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นการทดลองเฉพาะบุคคลที่ยังไม่น่าเชื่อถือเพียงพอ

การได้รับน้ำมันมะพร้าวในปริมาณปกติที่พบได้จากอาหารที่รับประทานในแต่ละวันนั้นไม่น่าจะมีอันตรายใด ๆ แต่หากต้องการใช้โดยหวังคุณประโยชน์ด้านใด ๆ ก็ควรระมัดระวังในกรณีต่อไปนี้

    น้ำมันมะพร้าวอาจปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์ หญิงที่ให้นมบุตร และเด็ก หากได้รับในปริมาณปกติที่พบได้จากอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน แต่การรับประทานในปริมาณมากกว่าปกติยังไม่มีข้อยืนยันถึงความปลอดภัย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงข้างต้นจึงไม่ควรรับประทานน้ำมันมะพร้าวเสริม
    น้ำมันมะพร้าวอาจไปเพิ่มระดับไขมันชนิดไม่ดีในร่างกาย แต่ข้อนี้มีหลักฐานโต้แย้งที่ชี้ว่าแท้จริงแล้วระดับไขมันที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นไขมันชนิดดีที่ส่งผลต่อระดับไขมันเลวโดยรวมเพียงเล็กน้อยหรืออาจไม่มีผลเลย
    ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าน้ำมันมะพร้าวสามารถทำปฏิกิริยาต่อยารักษาโรคอื่น ๆ หรือไม่ ผู้ใช้จึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนใช้ยาใด ๆ หากกำลังรับประทานน้ำมันมะพร้าว
    การรับประทานยาไซเลียม (Psyllium) จะส่งผลให้ร่างกายลดการดูดซึมไขมันในน้ำมันมะพร้าวได้

น้ำมันปลา อาหารเสริมที่ประกอบด้วยกรดไขมันจำเป็นประเภทโอเมก้า 3 ปริมาณสูงชนิด DHA และ EPA ที่ปกติพบได้ในปลา เช่น แมคเคอเรล ทูน่า แซมอน และมีการกล่าวอ้างว่าสารเหล่านี้ที่มีอยู่ในน้ำมันปลาชนิดอาหารเสริมจะช่วยบำรุงสมอง ชะลอความจำเสื่อม และป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้

ด้านคุณประโยชน์ของกรดไขมันโอเมก้า 3 นี้ มีข้อสันนิษฐานว่าเนื่องจาก DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทในสมอง ประกอบกับทฤษฎีที่ว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม โรคหลอดเลือดและหัวใจ รวมทั้งช่วยส่งเสริมและปกป้องเซลล์ประสาท ส่วนหลักฐานจากการศึกษาวิจัยนั้นพบผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป

งานวิจัยชิ้นหนึ่งศึกษาการใช้อาหารเสริม DHA ช่วยชะลอการเสื่อมถอยด้านการคิดและการทำงานของสมองในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่มีอาการในระยะเริ่มต้นจนถึงระยะกลาง โดยให้รับประทานอาหารเสริมที่มี DHA วันละ 2 กรัม นาน 18 เดือน ผลปรากฏว่าเมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอกแล้ว อาหารเสริม DHA ไม่ได้มีส่วนช่วยชะลออาการของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง

ทว่าในงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งมีการทดสอบประสิทธิภาพของการใช้ DHA เพื่อบำรุงการทำงานของสมองในผู้สูงอายุที่มีอาการเสื่อมถอยของสมอง ด้วยการให้รับประทาน DHA 900 มิลลิกรัมทุกวัน เป็นเวลา 24 สัปดาห์ ผลลัพธ์พบว่ากลุ่มที่ได้รับ DHA มีการเรียนรู้และความทรงจำที่ดีขึ้น และมีประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ ด้วยผลลัพธ์ที่ไม่สอดคล้องกันของงานวิจัยทั้ง 2 ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายจึงเห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเพียงพอจะยืนยันคุณสมบัติในการรักษาและป้องกันโรคอัลไซเมอร์ของ DHA หรือกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดอื่น ๆ ได้ จึงยังไม่มีการแนะนำให้ใช้

อย่างไรก็ตาม หากเลือกรับประทานน้ำมันปลาในรูปแบบอาหารเสริมควรต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้ดังนี้

    ไม่ควรรับประทานเกินกว่าวันละ 3 กรัม เพราะจะเสี่ยงต่อการมีเลือดออก หากต้องการรับประทานในปริมาณที่มากกว่าปกติควรปรึกษาแพทย์เป็นอันดับแรก เพื่อให้ทราบคำแนะนำในการใช้ที่เหมาะสมและปลอดภัย
    น้ำมันปลาอาจมีผลข้างเคียงทำให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ หรือท้องเสียได้
    น้ำมันปลามีกลิ่นคาวรุนแรง จึงอาจทำให้มีกลิ่นคาวปลาในปากหรือลมหายใจมีกลิ่นคาวหลังการรับประทานได้
    ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการบริโภคน้ำมันปลาที่เป็นอาหารเสริมจะปลอดภัยต่อผู้ที่แพ้ปลาหรือสัตว์น้ำที่มีเปลือกหรือไม่
    อาหารเสริมโอเมก้า 3 อาจทำให้เลือดหยุดไหลยาก ผู้ที่ใช้ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแก้อักเสบกลุ่มเอนเสด (NSAIDs) ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้
    ยังไม่มีข้อสรุปว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบในอาหารทะเลและน้ำมันปลาจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่ ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป


ความปลอดภัยในการใช้การรักษาทางเลือก

ในปัจจุบันยังไม่มีการพิสูจน์ที่ยืนยันว่าสมุนไพร อาหาร หรืออาหารเสริมใด ๆ จะช่วยป้องกันหรือรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างปลอดภัยและได้ผล และการรักษาทางการแพทย์เองก็ไม่มีการแนะนำให้ใช้ ผู้ที่ต้องการลองใช้เป็นทางเลือกควรพูดคุยปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะสมุนไพรหรืออาหารเสริมบางชนิดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมา มีปฏิกิริยากับยารักษาโรคชนิดอื่น หรือกระทบต่อโรคหรือภาวะใด ๆ ที่เป็นอยู่ได้

สำหรับผู้ที่คิดว่าตัวเองมีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำหรือคาดว่าจะเกิดภาวะสมองเสื่อม ทางที่ดีที่สุดก็คือการไปพบแพทย์ เช่นเดียวกันหากสงสัยว่าบุคคลใกล้ชิดอาจป่วยด้วยโรคนี้ก็ควรสนับสนุนให้ไปตรวจรักษา และควรมีคนไปเป็นเพื่อนด้วย

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่ปัญหาด้านความทรงจำที่เผชิญนั้นอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากภาวะสมองเสื่อม แต่อาจเป็นผลมาจากความเครียด ภาวะซึมเศร้า การใช้ยารักษาโรคบางชนิด หรือเกิดจากโรคอื่น ๆ ก็ได้ ซึ่งการไปพบแพทย์จะช่วยให้สามารถวินิจฉัยสาเหตุและรับการรักษาได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากที่สุด


การรักษาทางการแพทย์ของโรคอัลไซเมอร์

การรักษาโรคอัลไซเมอร์ด้วยวิธีทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังคงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด แม้จะทำได้เพียงการใช้ยารักษาและจัดการดูแลเพื่อช่วยบรรเทาอาการด้านความคิดและพฤติกรรม หรือชะลออาการของโรคลงได้บ้าง โดยแนวทางการรักษาโรคอัลไซเมอร์ที่ทำได้ มีดังนี้

    การวางแผนให้การช่วยเหลือดูแลทั้งทางด้านสุขภาพและด้านสังคม เพื่อให้การรักษาที่ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยมากที่สุด
    การสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อผู้ป่วย โดยควรปรับสภาพแวดล้อมให้อำนวยต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วย เช่น จัดระเบียบและการติดตั้งอุปกรณ์การช่วยเหลือตามบริเวณบ้าน รวมถึงการสร้างนิสัยให้ผู้ป่วยใช้การคิดหรือการจำน้อยที่สุด เช่น จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำ เก็บของจำเป็นไว้ในที่เดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดการหลงลืม
    การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพกายที่แข็งแรงและสุภาพใจที่แจ่มใส เช่น การเดิน การปั่นจักรยานอยู่กับที่ ทั้งนี้ควรมีผู้ดูแลคอยเฝ้าดูเพื่อความปลอดภัยและไม่เกิดการพลัดหลง
    การรับประทานอาหาร คอยดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อาจหาเมนูเสริมเพื่อสุขภาพ เช่น น้ำปั่นผลไม้ผสมโยเกิร์ต และอาจเพิ่มโปรตีนเพื่อการบำรุงด้วยก็ได้
    การใช้ยา เป็นการช่วยรักษาบางอาการและชะลอการพัฒนาของโรคได้ชั่วคราว ที่มักนำมาใช้คือกลุ่มยาโคลีนเอสเทอเรส (Cholinesterase Inhibitor) เช่น โดนีพีซิล (Donepezil) กาแลนตามีน (Galantamine) และไรวาสติกมีน (Rivastigmine) และบางครั้งก็อาจใช้ยาเมแมนทีน (Memantine) ร่วมรักษากับยากลุ่มนี้ด้วย

12
motor expo เกรท วอลล์ มอเตอร์ เตรียมเปิดราคา GWM POER SAHAR HEV พร้อมนำ GWM TANK 700 Hi4-T และ GWM WEY 80 MPV มาอวดโฉมที่ไทยครั้งแรก

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) หนึ่งในผู้นำด้านรถยนต์พลังงานใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมอัจฉริยะ เชิญชวนชาวไทยร่วมชมและสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่แห่งอนาคตจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่งาน Thailand International Motor Expo ครั้งที่ 41 พบกับไฮไลต์สำคัญกับการประกาศราคาขายพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับ GWM POER SAHAR HEV รถกระบะพลังงานไฮบริดทรงพลังคันแรกของเมืองไทย รวมไปถึงเซอร์ไพรส์พิเศษที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้นำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดส่งตรงจากประเทศจีนถึง 2 รุ่น จาก 2 เซกเมนต์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภคชาวไทย อย่าง GWM WEY 80 PHEV รถยนต์เอ็มพีวีอเนกประสงค์ระดับไฮเอนด์ พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพรีเมียมและการใช้สอยทางธุรกิจได้อย่างไร้ที่ติ และ GWM TANK 700 Hi4-T สุดยอดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดขุมพลังปลั๊กอิน-ไฮบริดที่มาพร้อมสมรรถนะขั้นสุด ผสมผสานสุนทรียภาพและความแข็งแกร่งได้อย่างลงตัว สู่การเดินทางอันไร้ซึ่งขีดจำกัด และยังตระการตาไปกับขบวนพาเหรดรถยนต์พลังงานใหม่อีกหลากหลายรุ่น ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ GWM ORA, GWM HAVAL และ GWM TANK  พร้อมร่วมทดลองขับและรับข้อเสนอสุดพิเศษรวมถึงสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับลูกค้าและผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ภายในงาน โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมชมการถ่ายทอดสดบรรยากาศการแถลงข่าวเปิดบูธของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผ่านทุกช่องทางของ GWM Thailand ทั้ง Facebook, YouTube และ TikTok ในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ตั้งแต่เวลา 12.45 น. เป็นต้นไป
 
พบกับไฮไลท์สำคัญภายในงาน อาทิ

การประกาศราคาขายพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ GWM POER SAHAR HEV รถกระบะขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกในประเทศไทย ที่จะเปลี่ยนนิยามของรถกระบะให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่มีความดุดัน แข็งแกร่งผสมผสานกับการตกแต่งภายในที่หรูหราและทันสมัยได้อย่างลงตัว ครบครันด้วยเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะสู่ความสะดวกสบายเหนือระดับ มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม TANK และระบบขับเคลื่อนขุมพลังไฮบริดอันทรงพลัง ร่วมกับข้อเสนอสุดพิเศษ พร้อมให้ชาวไทยได้จับจองและเป็นเจ้าของภายในงานและที่ พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั่วประเทศ พร้อมส่งมอบทันที

สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับรถยนต์เอ็มพีวีโมเดลล่าสุดพร้อมให้ชาวไทยได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกกับ GWM WEY 80 PHEV” และ GWM TANK 700 Hi4-T รถยนต์เอสยูวีรุ่นเรือธงจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขุมพลังปลั๊กอิน-ไฮบริด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3.0T Hi4-T แบบ Longitudinal parallel hybrid ที่มีความจุกระบอกสูบสูง มีระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สู่ประสบการณ์สุดพรีเมียมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัยร่วมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดอัจฉริยะจัดเต็มทุกตารางนิ้ว

พบกับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมายให้กับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์พลังงานใหม่จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภายในงาน และที่ พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั่วประเทศ พร้อมให้ชาวไทยได้สัมผัสและจับจองรถยนต์พลังงานใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพสู่ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับแตกต่างยิ่งกว่าใคร ร่วมกับราคาสุดคุ้มค่า ให้ชาวไทยได้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น

ขบวนไลน์อัปรถยนต์พลังงานใหม่รุ่นยอดนิยม ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านรถยนต์พลังงานใหม่ของประเทศไทย นำทัพด้วยเจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจคนไทย GWM ORA Good Cat รุ่น PRO, ULTRA, และ GT ยนตรกรรมระดับมาสเตอร์พีซรถซีดานที่ผสานความสปอร์ตและความสง่างามเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวอย่าง GWM ORA 07 รถยนต์คอมแพคเอสยูวียอดนิยม GWM HAVAL H6 HEV และเจ้าสิงโตอารมณ์ดีที่ครบครันทุกฟังก์ชันการขับขี่อย่าง GWM HAVAL JOLION HEV ตามด้วยรถยนต์เอสยูวีออฟโรดสำหรับสายลุย แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความหรูหราสง่างาม GWM TANK 500 HEV และ GWM TANK 300 HEV
สัมผัสประสบการณ์อันล้ำสมัยไปกับเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะแห่งอนาคตที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมต้อนรับทุกท่านที่บูธ เกรท วอลล์ มอเตอร์ A05 ภายในงาน Thailand International Motor Expo ครั้งที่ 41 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 – 10 ธันวาคม 2567 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

13
ขายรถผู้บริหาร Volvo V60 Ultimate Bright ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

วอลโว่ Volvo V60 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Bright ปี 2023
Volvo V60 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Bright ไฟหน้าแบบ LED รูปทรง T-shape Full-LED Active High Beam Illumination Active Bending Light ปรับตามบุคลิกของแต่ละคน ซึ่งระบบจะตั้งค่าเครื่องยนต์ เกียร์อัตโนมัติ พวงมาลัย เบรก ระบบควบคุมการทรงตัว และฟังก์ชั่นการเปิด/ปิดเครื่องยนต์ โหมดเหล่านี้ได้แก่ Comfort, Dynamic และ Eco รวมทั้งโหมด Individual มาพร้อมระบบ กล้อง 360 , Park Assist Pilot ระบบเสียงจาก High Performance Sound  ลำโพง 11 ตัว ระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติหรือ Automatic Level Adjustment และอัลกอริทึมพิเศษจะปรับระดับเสียงที่ส่งออกมาเพื่อชดเชยและกลบเสียงรบกวนจากภายนอก รองรับ Apple CarPlay ให้คุณเชื่อมต่อกับ iPhone นอกจากนี้ยังรองรับ Android Auto รวมถึงสามารถทำระยะทางวิ่งสูงสุดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยยนแปลง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 29 ต.ค. - 30 พ.ย. 2567
รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท เมื่อแจ้งว่าติดต่อจาก CheckRaka
ประกันภัยชั้น 1 + VPSP Pro + MW

ราคาพิเศษ 2,290,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Volvo
   รุ่น                   วอลโว่ Volvo V60 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Bright ปี 2023
   ประเภทรถ          รถเก๋งแวน/เอสเตท, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว           2023



14
Doctor At Home: เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ (Cellulitis)

เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ เป็นการอักเสบของผิวหนังชั้นหนังแท้และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นที่อยู่ลึก (ชั้นไขมัน)


สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ ซึ่งติดมาจากทางเดินหายใจ และสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มอื่น ส่วนน้อยอาจเกิดจากเชื้อสแตฟีโลค็อกคัส นิวโมค็อกคัส เชื้อแบคทีเรียแกรมลบ (เช่น วิบริโอวาลนิฟิคัส*) เชื้อเข้าไปทางบาดแผล รอยถลอก หรือรอยแตกแยกของผิวหนัง (เช่น แมลงกัด หนามตำ ผิวหนังมีรอยขีดข่วน)

ผู้ที่เป็นเบาหวาน เอดส์ กินยาสเตียรอยด์เป็นประจำ หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ คนอ้วน หรือมีบาดแผลหรือโรคผิวหนัง (เช่น ผิวหนังอักเสบ อีสุกอีใส งูสวัด ฮ่องกงฟุต โซริอาซิสหรือสะเก็ดเงิน) แขนขาบวมเรื้อรัง หรือเคยเป็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบมาก่อน มีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบมากกว่าปกติ

*ผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเอดส์ เบาหวาน มะเร็ง ไตวายเรื้อรัง เป็นต้น ถ้ามีการติดเชื้อวิบริโอวาลนิฟิคัส (Vibrio vulnificus) ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้ออหิวาต์ เชื้ออาจเข้าสู่กระแสเลือดกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ มีอัตราตายสูงถึงประมาณร้อยละ 50

การติดเชื้อมักเกิดจากการกินอาหารทะเล (เช่น หอยนางรม) ที่ปนเปื้อนเชื้อนี้แบบดิบ ๆ ในคนที่แข็งแรงดี มักแสดงอาการแบบอาหารเป็นพิษ คือ ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน หลังกินอาหารทะเลประมาณ 16 ชั่วโมง แต่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำโดยเฉพาะถ้าเป็นตับแข็ง ก็มักจะกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ มีอาการไข้ หนาวสั่น ความดันเลือดตก ผิวหนังขึ้นเป็นตุ่มน้ำ (bleb) ถ้าเป็นรุนแรงจะเป็นตุ่มน้ำที่มีเลือดปน (hemorrhagic bleb)

นอกจากนี้ อาจเกิดจากการสัมผัสกับน้ำทะเลที่มีเชื้อนี้โดยตรง เช่น ลงเล่นน้ำทะเลขณะมีบาดแผลที่ผิวหนัง ถูกปะการังหรือเปลือกหอยบาดในน้ำทะเล เป็นต้น ผู้ป่วยจะแสดงอาการแบบเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังส่วนลึกอักเสบ ซึ่งต่อมาจะเกิดตุ่มน้ำ มีเนื้อตายเกิดขึ้น และเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ

ภาวะร้ายแรงนี้ ยังอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียแกรมลบชนิดอื่น เช่น วิบริโออัลจิโนไลติคัส (Vibrio alginolyticus) วิบริโอพาราฮีโมไลติคัส (เชื้อชนิดหลังนี้จะมีอาการอาหารเป็นพิษร่วมด้วย ดู "อาหารเป็นพิษจากเชื้อโรค" เพิ่มเติม)

ดังนั้น ถ้าพบผู้ป่วยเป็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำที่มีเลือดปน หลังกินอาหารทะเลแบบดิบ ๆ หรือหลังเล่นน้ำทะเล ควรคิดถึงภาวะร้ายแรงชนิดนี้ และส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยเร็ว ถ้าได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และการดูแลรอยโรคที่ผิวหนังได้ถูกต้องและทันท่วงที ก็มีโอกาสหายได้

ผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการกินหอยนางรมและอาหารทะเลแบบดิบ ๆ และการเล่นน้ำทะเลขณะมีบาดแผลที่ผิวหนัง ถ้าหากเล่นน้ำทะเลแล้วเกิดบาดแผล ถูกหอยหรือปะการังบาด ควรรีบทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่และใส่ยาฆ่าเชื้อ (เช่น โพวิโดนไอโอดีน แอลกอฮอลล์) ทันที


อาการ

ผิวหนังมีลักษณะเป็นผื่นแดงจัด ลามออกอย่างรวดเร็ว กดเจ็บ และคลำดูออกร้อน ขอบผื่นไม่ชัดเจน และไม่ยกนูนจากผิวหนังปกติ (จะกลืนไปกับผิวหนังปกติ) ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่บริเวณขาและเท้า อาจพบที่ใบหน้า แขน มือ หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

อาจมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงอาจโตและกดเจ็บ มีท่อน้ำเหลืองอักเสบเห็นเป็นเส้นสีแดง

บางรายอาจมีตุ่มน้ำหรือฝีร่วมด้วย ซึ่งเมื่อแตกจะมีเนื้อตายเกิดขึ้น

เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ
อาการแสดงของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ


ภาวะแทรกซ้อน

หากเป็นโรคนี้ซ้ำซาก อาจทำลายระบบทางเดินน้ำเหลือง ทำให้เท้าข้างเป็นโรคบวมเรื้อรังได้

เชื้ออาจลุกลามเข้าเนื้อเยื่อในชั้นที่อยู่ลึกลงไป ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง ทำให้เนื้อตาย และอาจลุกลามเข้ากระแสเลือดกลายเป็นโลหิตเป็นพิษได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวาน กินยาสเตียรอยด์มานาน หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำจากสาเหตุอื่น

ในรายที่เกิดจากเชื้อบีตาฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ อาจทำให้เป็นหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันได้ (มีอาการไข้สูง บวมทั้งตัว ปัสสาวะสีแดง) ซึ่งพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ถ้าจำเป็นแพทย์จะนำหนองจากรอยโรคไปตรวจหาเชื้อ เอกซเรย์ หรือนำเลือดไปเพาะเชื้อในรายที่มีภาวะโลหิตเป็นพิษ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้ผู้ป่วยพักผ่อน พยายามอย่าเคลื่อนไหวส่วนที่อักเสบ และยกแขนหรือขาส่วนที่อักเสบให้สูง และใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ

ผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้ตามปกติ ไม่มีของแสลง ควรกินอาหารพวกโปรตีน (เนื้อ นม ไข่ ถั่วต่าง ๆ) ให้มาก ๆ

ให้ยาแก้ปวดลดไข้ ถ้าปวดหรือมีไข้

2. ให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น เพนิซิลลินวี, อีริโทรไมซิน, โคอะม็อกซิคราฟ) ถ้าดีขึ้นให้ยาปฏิชีวนะต่อจนครบ 10 วัน

3. ถ้าไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน หรือมีอาการรุนแรงหรือสงสัยมีภาวะโลหิตเป็นพิษแทรกซ้อน หรือพบในผู้ที่เป็นเบาหวานหรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด บางรายอาจต้องทำการผ่าตัดระบายหนองหรือตัดเอาเนื้อตายออกไป

การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีไข้สูง หนาวสั่น ซึม เบื่ออาหาร หรือการอักเสบรุนแรงมากขึ้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

เมื่อมีบาดแผล รอยถลอก หรือรอยแตกแยกของผิวหนัง (เช่น แมลงกัด หนามตำ ผิวหนังมีรอยขีดข่วน หรือ ฮ่องกงฟุต)

    ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ทันที เพื่อชะล้างเอาสิ่งสกปรกออกไป
    ทารอบแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน
    อย่าให้แผลถูกน้ำ หรือใช้น้ำลาย น้ำหมาก หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ พอกที่แผล
    ควรพักส่วนที่เป็นบาดแผลให้มาก ๆ
    กินอาหารได้ตามปกติ ควรกินอาหารพวกโปรตีน ผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำในทะเล และระวังไม่ให้แผลถูกน้ำทะเล
    ถ้าบาดแผลสกปรก แผลถูกสัตว์หรือคนกัด ถูกตะปู หรือถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวกพอง หรือพบบาดแผลในผู้ป่วยเบาหวาน เอดส์ โรคตับเรื้อรัง หรือโรคไตเรื้อรัง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม

ข้อแนะนำ

ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่แรก หากปล่อยปละละเลย อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นเบาหวานหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ เป็นอันตรายได้

15
เด็กที่เข้ารับการจัดฟันเด็ก สามารถใช้น้ำยาบ้วนปากได้หรือไม่

การทำความสะอาดช่องปากและฟัน สำหรับเด็กนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะการที่เด็กดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ตั้งแต่ยังมีน้ำน้ำนมนั้น เป็นเรื่องที่ดี เพราะฟันน้ำนม ส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ นั่นหมายความว่า ถ้าเด็กที่สุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง ก็จะทำให้ฟันแท้ขึ้นในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ มีรูปร่างฟันที่สวยงาม พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่าน ให้ความสำคัญกับสุขภาพฟันของลูก เพราะคิดว่า การที่ลูกมีฟันที่สวยงาม มีสุขภาพฟันที่ดี ก็จะทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ดังนั้น การที่เราได้พาลูกเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำทุกปี เป็นเรื่องที่สมควรทำ เพื่อปลูกฝังให้ลูกได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน และการที่พาเด็กไปพบทันตแพทย์เพื่อทำความสะอาดฟัน ก็เป็นการลดปัญหาที่อาจจะทำให้เกิดฟันผุได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การทีลูกของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีได้นั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรสอนหรือแนะนำวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันที่ถูกวิธีให้กับเด็ก


นอกจากการแปรงฟันที่ถูกวิธีแล้ว การทำความสะอาดด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น การใช้ไหมขัดฟัน การใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็เป็นการทำความสะอาดฟันที่มีประสิทธิภาพมากเช่นเดียวกัน เพราะบางครั้งเด็กอาจจะทำความสะอาดฟันได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งไหมขัดฟันหรือน้ำยาบ้วนปาก ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้การทำความสะอาดฟันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ในแง่ของเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะสงสัยว่า ถ้าเด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็กจะสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากได้หรือไม่ และเด็กควรจะใช้น้ำยาบ้วนปากแบบไหน ซึ่งในปัจจุบัน ตามท้องตลาดมีน้ำยาบ้วนปากจำหน่ายด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกน้ำยาบ้วนปาก สำหรับเด็กที่เข้ารับการจัดฟันก็ควรที่จะเลือกให้เหมาะสมด้วย


วันนี้ทางคลินิก เราจะมาพูดถึงเรื่องของการใช้น้ำยาบ้วนปาก สำหรับเด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ และควรที่จะเลือกน้ำยาบ้วนปากแบบใด ให้เหมาะสมกับช่วงอายุและวัยของเด็ก ก่อนอื่นเราจะมาอธิบายการใช้น้ำยาบ้วนปากในเด็กก่อน ซึ่งโดยปกติแล้วน้ำยาบ้วนปาก ไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เพราะเด็กอาจจะกลืนเข้าไปและอาจจะทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ  เพราะน้ำยาบ้วนปากมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูงแต่ ส่วนใหญ่แล้วน้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็กมักจะใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์  โดยอาจให้เด็กใช้ในกรณีที่ลูกฝันผุมากๆ หรือเด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ที่อาจจะทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ทั่วถึง

สรุปก็คือ เด็กที่เข้ารับการจัดฟันเด็ก สามารถใช้น้ำยาบ้วนปาก เพื่อทำความสะอาดฟันในส่วนที่เข้าถึงยาก แต่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะระมัดระวัง ควรอ่านข้อควรระวังและคำแนะนำของน้ำยาบ้วนปากให้ชัดเจน ที่สำคัญควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนที่จะให้เด็กใช้น้ำยาบ้วนปาก เพื่อความปลอดภัยทั้งในแง่ของสุขภาพช่องปากและฟัน และสุขภาพร่างกายของเด็กด้วย

สำหรับการใช้น้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็กนั้น ควรใช้ในเด็กที่มีอายุตั้ง 6 ปีขึ้นไป ที่สามารถบ้วนน้ำทิ้งได้ ควรใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุในอนาคต เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้ ควรใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ในเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน การใช้น้ำยาบ้วนปากก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่เหมาะสมกับเด็กด้วย

ทั้งนี้ หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากให้ลูกเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถพาเด็กมาพบทันตแพทย์จัดฟันที่คลินิกได้ เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านการจัดฟันในเด็ก จึงทำให้มั่นใจได้ว่า ลูกของท่านจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและมีมาตรฐาน รวมไปถึงมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

หน้า: [1] 2 3 ... 36